รีวิวนี้
จะพาไปร้านสุดเก๋ เท่ห์สุดฤทธิ์
พิชิตใจวัยสะรุ่น
กับร้านอาหารไทยแนวทาปาส
กลิ่นไออาหารของทุกภาค
เห็นว่าเป็นอาหารแนวทาปาส
ทานเล่นแต่อิ่มจริงได้เลยครับ
และเครื่องดื่มไทยผสานผสมกลมกล่อมกับตะวันตก
ประดับประดาไปด้วยจิ้งจก
ไม่ต้องตกกะใจครับ
ร้านนี้แต่งร้านด้วยภาพรูปจิ้งจกสลักลอยไปทั้งร้านครับ
ร้านได้ฝีมือออกแบบจาก
Ashley Sutton คนเดียวกันกับ
ที่ออกแบบรร้านแมกกี้ชู
และไออ้อนแฟรี่ครับ
เลยได้ความแนวมาเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครดีเลยครับ
เป็นร้านที่อยู่ไม่ใกล้
ไม่ไกล เดินทางสะดวกสบาย
ด้วย BTS
อีกแล้วครับ ลงสถานีเอกมัย
เดินเข้าซอยไป 5 นาที
ก็จะเจอโครงการ
PARK LANE เอกมัย
ใช่แล้วครับ
ร้านที่จะพามาชมรีวิวกันวันนี้ก็คือ
ร้าน HOT
ROD : Thai Tapas Bar & Restaurant นั่นเอง
ร้าน HOT
ROD กับโอกาสที่ได้มารีวิวในครั้งนี้นั้น
ต้องขอขอบคุณน้องภัค
@Bhaksook 'Pak' Charoonsak
น้องชายที่น่ารัก
ที่รู้จักกันมาเกือบ 10
ปี
ที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานเข้ามากับทางร้านให้ครับ
โดยจัดงานเล็ก ๆ น่ารักใน Theme : Hot Rod Blogger Party
โดยจัดงานเล็ก ๆ น่ารักใน Theme : Hot Rod Blogger Party
ที่ได้เชิญ
Blogger สายอาหารชั้นแนวหน้ามาทดลองชิม
อาหาร
เครื่องดื่มและเพลิดเพลินกับบรรยากาศของร้าน
และการแลกเปลี่ยนพูดคุย
แสดงความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์
ไม่ว่าจะเป็น
พี่นันท์ แห่งเพจตะลอนกิน,
พี่แหม่ม maam journey,
พี่เหมียว nanreview, พี่เต้ย สาวไกด์,
คุณเบนซ์ benz47,
คุณชื่นบาบิบูเบะ...แปลงกลายเป็นบูริน, คุณเมเม่ เมเม่พาชิม
รวมไปถึง พี่ต้น จาก Truelife.com พี่สาวที่เคารพ
คุณชื่นบาบิบูเบะ...แปลงกลายเป็นบูริน, คุณเมเม่ เมเม่พาชิม
รวมไปถึง พี่ต้น จาก Truelife.com พี่สาวที่เคารพ
และพี่
ๆ อีกหลาย ๆ ท่านด้วยครับ
ซึ่งงานนี้ได้คุณตี๋
อรรถพล 1 ในผู้บริหารร้านให้การต้อนรับ
และแนะนำเมนูอาหาร
เครื่องดื่ม แบบกันเองเป็นอย่างดีครับ
โดยร้าน
Hot Rod นั้นที่บริเวณหน้าร้าน
ลานด้านนอก
จะมีรถตุ๊กตุ๊กแต่งซิ่ง
เท่ห์ ๆ ไว้เป็นเชิงสัญลักษณ์ความเป็นไทย
นอกจากเอาไว้แต่งร้านแล้ว
ยังสามารถให้ลูกค้าไปนั่งถ่ายรูปได้อีกด้วย
ตัวร้านจะแบ่งเป็น
2 โซน
ในร้านจะเป็นสไตล์เคาท์เตอร์บาร์
มีเก้าอี้สตูลทรงสูงล้อมรอบเคาท์เตอร์
จำนวนประมาณ 20-30 ที่นั่ง
สามารถนั่งสั่งเครื่องดื่มพร้อมชมฝีมือบาร์เทนเดอร์
และสั่งอาหารมานั่งแกล้มด้วยได้อย่างไม่ลำบากอะไร
เหนือเคาท์เตอร์บาร์
จะตกแต่งด้วยรูปสลักจิ้งจกเก๋ไก๋เต็มไปหมดครับ
ส่วนด้านนอกจะเป็นโอเพ่นแอร์
เป็นโต๊ะและเก้าอี้แบบต่าง
ๆ
มีหลายมุมให้ได้เลือกนั่งตามความเหมาะสมของจำนวนลูกค้า
ที่เข้ามาใช้บริการ
ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่
หรือมาเป็นหมู่คณะก็รับได้หมด
ดูบรรยากาศโดยรวมเรียบร้อยแล้ว
ต่อไปเราเริ่มมาลงรายละเอียด
ของอาหารและเครื่องดื่มกันเลยดีกว่า
ว่าเป็นยังไงบ้าง
เพราะการดีไซน์อาหารและการจัดจานนั้น
ได้ฝีมือเชฟพีท
ส่วนเครื่องดื่มเป็นคุณชานนท์
บุรานนท์
จากไฮด์แอนด์ซีค
มาช่วยกันสร้างสรรค์ความเจิดครับ
เกริ่นมาเยอะชักจะหิวแล้วล่ะครับ
มาดูกันดีกว่าครับ
ว่ามีอะไรให้เราได้ลิ้มรส
ทดลอง เปิดประสบการณ์กันบ้าง
เริ่มจากเครื่องดื่มไฮไลท์ของทางร้านที่มีทั้งแบบ
ผสมแอลกอฮอล์และไม่ผสม
ในสไตล์ Cocktail & Mocktail ครับ
ในราคาแก้วละ
220 บาท
แก้วแรก
สาวยาคูลท์ ชื่อก็เก๋แล้ว
นึกถึงสาวปั่นจักรยานส่งยาคูลท์เลยครับ
มาเย็น
ๆ ผสมผสานด้วย Gin เหล้ากลิ่นเมลอน
โยเกิร์ต เป็นรสนำ
เติมแตงกวาและสะระแหน่บดลงไปให้ได้เนื้อ
แก้วนี้มีทั้งแบบ
ใส่แอลกอฮอล์และไม่ใส่ให้ได้ลองนะครับ
แก้วต่อมา
Bloody Hot Rod
ตั้งต้นด้วย
Vodka กับน้ำมะเขือเทศและน้ำมะขาม
แล้วก็ประเคนเครื่องปรุงแบบไทยและเทศลงไป
ไม่ว่าจะเป็น
ซอสพริกศรีราชา ซีอิ๊วขาวและดำ
ตามด้วยน้ำมะนาว
เก๋และเท่ห์ด้วยหลอดที่ทำจากตะไคร้สด
ช่วยขับกลิ่นเครื่องดื่มตัวนี้
ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย
แก้วถัดมา
Panda & Buffalo
แก้วนี้ก็เย็นสดชื่น
เจ๋งด้วยรสน้ำข้าวผสานกับข้าวคั่ว
สดชื่นด้วยมะนาวและขิงสไลด์ครับ
แก้วไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดอีกแก้วคือ
Two Smiles
ยิ้มทั้ง
2 จากเกลือที่ปากแก้วเครื่องดื่มที่นำด้วย
Tequila
เหล้าส้ม
เสาวรสและน้ำมะนาว
กับอีก 1 ยิ้มที่ตัวส้มฝาน
โรยด้วยพริก
น้ำตาลและเกลือ ทานคู่กันแจ่มมาก
ๆ
อีกแก้วคือ
You Don't Know Jack
Jack ไม่รู้ผมก็ยังไม่รู้ครับ
ลองชิมก็ไม่ค่อยรู้นะ 555
แก้วนี้เป็นดาร์ครัม
ผสมขนุนคั้น น้ำเชื่อม
น้ำสับปะรด
มะนาวแล้วก็ท็อปด้านบนสุดด้วยเบียร์สิงห์
เอากับ Jack เค้าสิ
แก้วถัดมา
Drunken Cha Yen
ชานมเย็นแต่เก๋ด้วยการผสมแอลกอฮอล์ลงไปได้อย่างลงตัว
ถ้าเผลอดื่มเรื่อย
ๆ แบบชานมเย็น ระวังจะเมาไม่รู้ตัวนะครับ
อีกแก้วที่ไม่ลองไม่ได้
Muay Thai Roundhouse
เพราะลองแล้วอร่อยมาก
แมน ๆ กับวิสกี้ แบล็คเลเบิ้ล
ผสมขิงบด
เหล้าลิ้นจี่ น้ำผึ้ง ไข่ขาว
น้ำมะนาว ได้อย่างลงตัว
มีเบิ้ลกันระนาวครับ
นอกจากเครื่องดื่มไฮไลท์ที่เป็นแนว
cocktail แล้ว
ทางร้าน
Hot Rod ก็สมกับเป็นบาร์ด้วยครับ
เพราะมีทั้ง
ไวน์
วิสกี้ บรั่นดี เบียร์ ฯ
ให้เลือกอีกพอสมควรเลย
ผมเลยได้จัดมาจับคู่กับอาหารได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย
มาถึงอาหารกันบ้างครับ
ที่นี่ใส่ใจในรสชาติที่ผสมผสานกันลงตัว
รวมถึงความพิถีพิถันในการจัดจาน
จัดวางอาหารมา แม้กระทั่งใบตอง
ที่รองอาหาร
ยังมีการนาบชื่อร้านด้วยความร้อนให้สวยงามอีกด้วย
เรามาเริ่มด้วยอาหารจานเย็น
Cold Dishes กันก่อนครับ
ยำข้าวปุ้น
150 บาท
เป็นลาบหมูปรุงรสทางเหนือใส่ขนมเส้น(ขนมจีน)
ให้นัว
ๆ ปรบมือรัว ๆ ด้วยการโรยปลาดุกฟูด้านบน
น้ำพริกไข่เค็มมะเขือยาว
150 บาท
มาเป็นคำพอดี
ๆ มีกุ้งลวกอยู่ด้านบน
น้ำพริกไข่เค็มผสมกลมกลืนกับมะเขือยาวได้ดี
น้ำพริกกุ้งเสียบเต้าหู้
170 บาท
เมนูแหวกแนวที่แจ๋วตรงไม่ใช้ผักแนม
แต่แซมเต้าหู้ขาวมาแทนอย่างลงตัว
เพิ่มเปรี้ยวและหอมด้วยมะนาวสด
ชื่นใจ
ยำหัวปลี
150 บาท
ยำหัวปลีมีไข่นกกระทา
เข้าขากันมาเป็นคำ ๆ
รสชาติลึกล้ำหนำใจ
มาต่อกันกับอาหารจานร้อน
Hot Dishes กันบ้างครับ
ไก่ทอดน้ำพริกส้ม
150 บาท
น้ำพริกส้มรสกลมกล่อม
จับไก่ทอดกรอบนอกนุ่มใน
จิ้มแล้วทานพร้อมกัน
พลันจะต้องมีคำต่อไป
แซลมอนอบน้ำปลา
150 บาท
อร้าอร่ามด้วยเครื่องเคราสมุนไพร
ตัวแซลมอนนั้นทำสุกช้า
ๆ ในแบบซูวีกับน้ำปลา
ทำให้รสชาติซึมซาบเข้าสู่เนื้อในแบบช้าแต่อร่อยดี
มีเฮกับเครื่องยำ
หมูผัดหน่อข่าอ่อน
150 บาท
เครื่องแกงผัดกับหมูชิ้นเป็นก้อน
ผนวกกับข่าอ่อน
ร้อนแรงแซงกับข้าวตัวอื่น
ๆ
จัดข้าวสวยมาคู่กันพลันอย่าให้ช้า
ต้มยำแห้งซี่โครงหมู
170 บาท
ดูซอสต้มยำที่ทำแห้งมา
ราดทับบนซี่โครงหมูเปื่อยร่อน
ที่มาเป็นแผงกระดูก
รสชาติเปรี้ยวเผ็ดแรงกำลังดี
เสริมเด่นด้วยมะกรูดทอดและหอมเจียวกรอบ
ๆ
ปลาทรายทอดขมิ้น
150 บาท
ปลาทรายขนาดกำลังดี
คลุกเคล้าเครื่องปรุง
แล้วนำไปชุบแป้งทอกรอบ
ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มรสดี
มีมะกรูดให้บีบน้ำเพิ่มกลิ่นหอมกระจาย
ไข่คว่ำ
170 บาท
ไข่ทรงเครื่องยัดไส้หมูบด
กระเทียมและเครื่องเทศไทย
ใส่ใจในรายละเอียดและความน่าทาน
รสชาติไม่เป็นรองเมนูไหน
ๆ
แกงปูกะทิ
170 บาท
ละม้ายคล้ายขนมจีนน้ำยาปู
แต่ดูดี ๆ มีทีเด็ด
ชิมแล้วไม่เผ็ดแต่กลมกล่อม
แนมชมพู่ดูเข้ากันได้แบบไม่เคยเห็น
หอยลายต้มโบราณ
150 บาท
หอยลายล้างสะอาด
ต้มกับน้ำกะทิกับเครื่องปรุงไทยแท้
ๆ
หลากหลายชนิด
ผสมผสานความเผ็ดของพริกได้พอดี
เนื้อรมควันน้ำพริกข่า
170 บาท
เนื้อวัวส่วนสามชั้นตุ๋นนุ่มละมุนลิ้น
นำมารมควันให้ได้ความหอมหวล
ชวนกินมากยิ่งขึ้น
จิ้มกับน้ำพริกข่าแบบเปียก
เฉียบขาดครับเมนูนี้
เมนูนี้
จัดไวน์แดงมาจับคู่
ได้ลองไวน์จากอาเจนติน่า
เป็นพันธุ์มัลเบค
ทานพร้อมกับเนื้อรมควัน
อร่อยเลยครับ
มีจานก๋วยเตี๋ยวที่แนะนำด้วยนะกับ
ก๋วยเตี๋ยวขี้เมากุ้ง
170 บาท
ผัดขี้เมาด้วยเส้นจันทร์นุ่มหนึบ
ผัดไข่ใส่กุ้งขนาดพอดี ๆ
มีรสจัดจ้านด้วยเครื่องปรุงขี้เมาสูตรทางร้าน
ต้องลองเลย
จบของคาวแล้วมาต่อกันเลยกับของหวาน
ขนมวง 120
บาท
1
ในขนมในชีวิตไม่กี่ชนิดที่เรียกได้ว่าหากินยาก
และยิ่งยากมากที่จะหาเจอแล้วอร่อย
กับข้าวเหนียวทรงโดนัท
ราดด้วยน้ำตาลมะพร้าวที่เคลือบความหวานไปทั่วทั้งชิ้น
ขนมวงนี้ถ้าใครมาร้าน Hot Rod แล้วไม่ได้กิน
ผมถือว่ามาไม่ถึงร้านจริง ๆ เลยเอ้า
ปาท่องโก๋ยัดไส้กล้วย
120 บาท
แป้งปาท่องโก๋
ห่อกล้วยหอมสุก ทอดราดด้วยนม
โรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง
คล้ายโรตี ดูดีและอร่อยทีเดียว
ข้าวเหนียวมะม่วง
120 บาท
ข้าวเหนียวมูลรสชาติกำลังลงตัว
แต่มะม่วงที่มาด้วยกัน
ถ้าได้ความหวาน
หอม จะดีและเด็ดกว่านี้แน่
ๆ ครับ
แล้วก็มาปิดท้ายกันกับเครื่องดื่มอีกรอบ
กับเบียร์ลาว
ที่มีทั้งแบบธรรมดา
160 บาทและเบียร์ดำ
170 บาท
สำหรับผม
ขอจบด้วย Hennesey V.S.O.P. 280 บาท
เป็นอันจบมื้ออันแสนประทับใจ
ทั้งการเปิดประสบการณ์
อาหารไทยแนวทาปาส
และเครื่องดื่มอันแสนสร้างสรรค์
ของร้าน
Hot Rod แห่งนี้
ด้วยความครื้นเครงของเพื่อน
พี่ น้อง
Blogger สายอาหารที่มาร่วมโต๊ะกันครับ
สนใจสำรองที่นั่ง
หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร.
0-2714-2575
เปิดบริการ
จันทร์-อาทิตย์
เวลา 17.00 ถึงเที่ยงคืน
ขอให้มีความสุขกับประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่ม
แบบสร้างสรรค์สุด
ๆ กันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น