พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Hot Rod : Thai Tapas Bar

รีวิวนี้ จะพาไปร้านสุดเก๋ เท่ห์สุดฤทธิ์ พิชิตใจวัยสะรุ่น
กับร้านอาหารไทยแนวทาปาส กลิ่นไออาหารของทุกภาค
เห็นว่าเป็นอาหารแนวทาปาส ทานเล่นแต่อิ่มจริงได้เลยครับ
และเครื่องดื่มไทยผสานผสมกลมกล่อมกับตะวันตก
ประดับประดาไปด้วยจิ้งจก ไม่ต้องตกกะใจครับ
ร้านนี้แต่งร้านด้วยภาพรูปจิ้งจกสลักลอยไปทั้งร้านครับ
ร้านได้ฝีมือออกแบบจาก Ashley Sutton คนเดียวกันกับ
ที่ออกแบบรร้านแมกกี้ชู และไออ้อนแฟรี่ครับ
เลยได้ความแนวมาเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครดีเลยครับ


เป็นร้านที่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล เดินทางสะดวกสบาย
ด้วย BTS อีกแล้วครับ ลงสถานีเอกมัย เดินเข้าซอยไป 5 นาที
ก็จะเจอโครงการ PARK LANE เอกมัย


ใช่แล้วครับ ร้านที่จะพามาชมรีวิวกันวันนี้ก็คือ
ร้าน HOT ROD : Thai Tapas Bar & Restaurant นั่นเอง


ร้าน HOT ROD กับโอกาสที่ได้มารีวิวในครั้งนี้นั้น
ต้องขอขอบคุณน้องภัค @Bhaksook 'Pak' Charoonsak
น้องชายที่น่ารัก ที่รู้จักกันมาเกือบ 10 ปี
ที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานเข้ามากับทางร้านให้ครับ
โดยจัดงานเล็ก ๆ น่ารักใน Theme : Hot Rod Blogger Party
ที่ได้เชิญ Blogger สายอาหารชั้นแนวหน้ามาทดลองชิม
อาหาร เครื่องดื่มและเพลิดเพลินกับบรรยากาศของร้าน
และการแลกเปลี่ยนพูดคุย แสดงความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์
และพี่ ๆ อีกหลาย ๆ ท่านด้วยครับ

ซึ่งงานนี้ได้คุณตี๋ อรรถพล 1 ในผู้บริหารร้านให้การต้อนรับ
และแนะนำเมนูอาหาร เครื่องดื่ม แบบกันเองเป็นอย่างดีครับ


โดยร้าน Hot Rod นั้นที่บริเวณหน้าร้าน ลานด้านนอก
จะมีรถตุ๊กตุ๊กแต่งซิ่ง เท่ห์ ๆ ไว้เป็นเชิงสัญลักษณ์ความเป็นไทย
นอกจากเอาไว้แต่งร้านแล้ว ยังสามารถให้ลูกค้าไปนั่งถ่ายรูปได้อีกด้วย



ตัวร้านจะแบ่งเป็น 2 โซน ในร้านจะเป็นสไตล์เคาท์เตอร์บาร์
มีเก้าอี้สตูลทรงสูงล้อมรอบเคาท์เตอร์ จำนวนประมาณ 20-30 ที่นั่ง
สามารถนั่งสั่งเครื่องดื่มพร้อมชมฝีมือบาร์เทนเดอร์
และสั่งอาหารมานั่งแกล้มด้วยได้อย่างไม่ลำบากอะไร
เหนือเคาท์เตอร์บาร์ จะตกแต่งด้วยรูปสลักจิ้งจกเก๋ไก๋เต็มไปหมดครับ



ส่วนด้านนอกจะเป็นโอเพ่นแอร์ เป็นโต๊ะและเก้าอี้แบบต่าง ๆ
มีหลายมุมให้ได้เลือกนั่งตามความเหมาะสมของจำนวนลูกค้า
ที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ หรือมาเป็นหมู่คณะก็รับได้หมด

ดูบรรยากาศโดยรวมเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราเริ่มมาลงรายละเอียด
ของอาหารและเครื่องดื่มกันเลยดีกว่า ว่าเป็นยังไงบ้าง
เพราะการดีไซน์อาหารและการจัดจานนั้น
ได้ฝีมือเชฟพีท ส่วนเครื่องดื่มเป็นคุณชานนท์ บุรานนท์
จากไฮด์แอนด์ซีค มาช่วยกันสร้างสรรค์ความเจิดครับ
เกริ่นมาเยอะชักจะหิวแล้วล่ะครับ มาดูกันดีกว่าครับ
ว่ามีอะไรให้เราได้ลิ้มรส ทดลอง เปิดประสบการณ์กันบ้าง

เริ่มจากเครื่องดื่มไฮไลท์ของทางร้านที่มีทั้งแบบ
ผสมแอลกอฮอล์และไม่ผสม ในสไตล์ Cocktail & Mocktail ครับ
ในราคาแก้วละ 220 บาท
แก้วแรก สาวยาคูลท์ ชื่อก็เก๋แล้ว นึกถึงสาวปั่นจักรยานส่งยาคูลท์เลยครับ
มาเย็น ๆ ผสมผสานด้วย Gin เหล้ากลิ่นเมลอน โยเกิร์ต เป็นรสนำ
เติมแตงกวาและสะระแหน่บดลงไปให้ได้เนื้อ แก้วนี้มีทั้งแบบ
ใส่แอลกอฮอล์และไม่ใส่ให้ได้ลองนะครับ


แก้วต่อมา Bloody Hot Rod
ตั้งต้นด้วย Vodka กับน้ำมะเขือเทศและน้ำมะขาม
แล้วก็ประเคนเครื่องปรุงแบบไทยและเทศลงไป
ไม่ว่าจะเป็น ซอสพริกศรีราชา ซีอิ๊วขาวและดำ ตามด้วยน้ำมะนาว
เก๋และเท่ห์ด้วยหลอดที่ทำจากตะไคร้สด ช่วยขับกลิ่นเครื่องดื่มตัวนี้
ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย


แก้วถัดมา Panda & Buffalo
แก้วนี้ก็เย็นสดชื่น เจ๋งด้วยรสน้ำข้าวผสานกับข้าวคั่ว
สดชื่นด้วยมะนาวและขิงสไลด์ครับ


แก้วไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดอีกแก้วคือ Two Smiles
ยิ้มทั้ง 2 จากเกลือที่ปากแก้วเครื่องดื่มที่นำด้วย Tequila
เหล้าส้ม เสาวรสและน้ำมะนาว กับอีก 1 ยิ้มที่ตัวส้มฝาน
โรยด้วยพริก น้ำตาลและเกลือ ทานคู่กันแจ่มมาก ๆ



อีกแก้วคือ You Don't Know Jack
Jack ไม่รู้ผมก็ยังไม่รู้ครับ ลองชิมก็ไม่ค่อยรู้นะ 555
แก้วนี้เป็นดาร์ครัม ผสมขนุนคั้น น้ำเชื่อม น้ำสับปะรด
มะนาวแล้วก็ท็อปด้านบนสุดด้วยเบียร์สิงห์ เอากับ Jack เค้าสิ


แก้วถัดมา Drunken Cha Yen
ชานมเย็นแต่เก๋ด้วยการผสมแอลกอฮอล์ลงไปได้อย่างลงตัว
ถ้าเผลอดื่มเรื่อย ๆ แบบชานมเย็น ระวังจะเมาไม่รู้ตัวนะครับ


อีกแก้วที่ไม่ลองไม่ได้ Muay Thai Roundhouse
เพราะลองแล้วอร่อยมาก แมน ๆ กับวิสกี้ แบล็คเลเบิ้ล
ผสมขิงบด เหล้าลิ้นจี่ น้ำผึ้ง ไข่ขาว น้ำมะนาว ได้อย่างลงตัว
มีเบิ้ลกันระนาวครับ


นอกจากเครื่องดื่มไฮไลท์ที่เป็นแนว cocktail แล้ว
ทางร้าน Hot Rod ก็สมกับเป็นบาร์ด้วยครับ เพราะมีทั้ง
ไวน์ วิสกี้ บรั่นดี เบียร์ ฯ ให้เลือกอีกพอสมควรเลย
ผมเลยได้จัดมาจับคู่กับอาหารได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย

มาถึงอาหารกันบ้างครับ ที่นี่ใส่ใจในรสชาติที่ผสมผสานกันลงตัว
รวมถึงความพิถีพิถันในการจัดจาน จัดวางอาหารมา แม้กระทั่งใบตอง
ที่รองอาหาร ยังมีการนาบชื่อร้านด้วยความร้อนให้สวยงามอีกด้วย
เรามาเริ่มด้วยอาหารจานเย็น Cold Dishes กันก่อนครับ

ยำข้าวปุ้น 150 บาท
เป็นลาบหมูปรุงรสทางเหนือใส่ขนมเส้น(ขนมจีน)
ให้นัว ๆ ปรบมือรัว ๆ ด้วยการโรยปลาดุกฟูด้านบน



น้ำพริกไข่เค็มมะเขือยาว 150 บาท
มาเป็นคำพอดี ๆ มีกุ้งลวกอยู่ด้านบน
น้ำพริกไข่เค็มผสมกลมกลืนกับมะเขือยาวได้ดี


น้ำพริกกุ้งเสียบเต้าหู้ 170 บาท
เมนูแหวกแนวที่แจ๋วตรงไม่ใช้ผักแนม
แต่แซมเต้าหู้ขาวมาแทนอย่างลงตัว
เพิ่มเปรี้ยวและหอมด้วยมะนาวสด ชื่นใจ


ยำหัวปลี 150 บาท
ยำหัวปลีมีไข่นกกระทา เข้าขากันมาเป็นคำ ๆ
รสชาติลึกล้ำหนำใจ


มาต่อกันกับอาหารจานร้อน Hot Dishes กันบ้างครับ
ไก่ทอดน้ำพริกส้ม 150 บาท
น้ำพริกส้มรสกลมกล่อม จับไก่ทอดกรอบนอกนุ่มใน
จิ้มแล้วทานพร้อมกัน พลันจะต้องมีคำต่อไป



แซลมอนอบน้ำปลา 150 บาท
อร้าอร่ามด้วยเครื่องเคราสมุนไพร
ตัวแซลมอนนั้นทำสุกช้า ๆ ในแบบซูวีกับน้ำปลา
ทำให้รสชาติซึมซาบเข้าสู่เนื้อในแบบช้าแต่อร่อยดี
มีเฮกับเครื่องยำ



หมูผัดหน่อข่าอ่อน 150 บาท
เครื่องแกงผัดกับหมูชิ้นเป็นก้อน
ผนวกกับข่าอ่อน ร้อนแรงแซงกับข้าวตัวอื่น ๆ
จัดข้าวสวยมาคู่กันพลันอย่าให้ช้า



ต้มยำแห้งซี่โครงหมู 170 บาท
ดูซอสต้มยำที่ทำแห้งมา ราดทับบนซี่โครงหมูเปื่อยร่อน
ที่มาเป็นแผงกระดูก รสชาติเปรี้ยวเผ็ดแรงกำลังดี
เสริมเด่นด้วยมะกรูดทอดและหอมเจียวกรอบ ๆ



ปลาทรายทอดขมิ้น 150 บาท
ปลาทรายขนาดกำลังดี คลุกเคล้าเครื่องปรุง
แล้วนำไปชุบแป้งทอกรอบ ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มรสดี
มีมะกรูดให้บีบน้ำเพิ่มกลิ่นหอมกระจาย



ไข่คว่ำ 170 บาท
ไข่ทรงเครื่องยัดไส้หมูบด กระเทียมและเครื่องเทศไทย
ใส่ใจในรายละเอียดและความน่าทาน รสชาติไม่เป็นรองเมนูไหน ๆ



แกงปูกะทิ 170 บาท
ละม้ายคล้ายขนมจีนน้ำยาปู แต่ดูดี ๆ มีทีเด็ด
ชิมแล้วไม่เผ็ดแต่กลมกล่อม แนมชมพู่ดูเข้ากันได้แบบไม่เคยเห็น



หอยลายต้มโบราณ 150 บาท
หอยลายล้างสะอาด ต้มกับน้ำกะทิกับเครื่องปรุงไทยแท้ ๆ
หลากหลายชนิด ผสมผสานความเผ็ดของพริกได้พอดี



เนื้อรมควันน้ำพริกข่า 170 บาท
เนื้อวัวส่วนสามชั้นตุ๋นนุ่มละมุนลิ้น นำมารมควันให้ได้ความหอมหวล
ชวนกินมากยิ่งขึ้น จิ้มกับน้ำพริกข่าแบบเปียก เฉียบขาดครับเมนูนี้
เมนูนี้ จัดไวน์แดงมาจับคู่ ได้ลองไวน์จากอาเจนติน่า เป็นพันธุ์มัลเบค
ทานพร้อมกับเนื้อรมควัน อร่อยเลยครับ





มีจานก๋วยเตี๋ยวที่แนะนำด้วยนะกับ
ก๋วยเตี๋ยวขี้เมากุ้ง 170 บาท
ผัดขี้เมาด้วยเส้นจันทร์นุ่มหนึบ ผัดไข่ใส่กุ้งขนาดพอดี ๆ
มีรสจัดจ้านด้วยเครื่องปรุงขี้เมาสูตรทางร้าน ต้องลองเลย



จบของคาวแล้วมาต่อกันเลยกับของหวาน
ขนมวง 120 บาท
1 ในขนมในชีวิตไม่กี่ชนิดที่เรียกได้ว่าหากินยาก
และยิ่งยากมากที่จะหาเจอแล้วอร่อย กับข้าวเหนียวทรงโดนัท
ราดด้วยน้ำตาลมะพร้าวที่เคลือบความหวานไปทั่วทั้งชิ้น
ขนมวงนี้ถ้าใครมาร้าน Hot Rod แล้วไม่ได้กิน
ผมถือว่ามาไม่ถึงร้านจริง ๆ เลยเอ้า



ปาท่องโก๋ยัดไส้กล้วย 120 บาท
แป้งปาท่องโก๋ ห่อกล้วยหอมสุก ทอดราดด้วยนม
โรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง คล้ายโรตี ดูดีและอร่อยทีเดียว



ข้าวเหนียวมะม่วง 120 บาท
ข้าวเหนียวมูลรสชาติกำลังลงตัว แต่มะม่วงที่มาด้วยกัน
ถ้าได้ความหวาน หอม จะดีและเด็ดกว่านี้แน่ ๆ ครับ



แล้วก็มาปิดท้ายกันกับเครื่องดื่มอีกรอบ กับเบียร์ลาว
ที่มีทั้งแบบธรรมดา 160 บาทและเบียร์ดำ 170 บาท


สำหรับผม ขอจบด้วย Hennesey V.S.O.P. 280 บาท


เป็นอันจบมื้ออันแสนประทับใจ ทั้งการเปิดประสบการณ์
อาหารไทยแนวทาปาส และเครื่องดื่มอันแสนสร้างสรรค์
ของร้าน Hot Rod แห่งนี้ ด้วยความครื้นเครงของเพื่อน
พี่ น้อง Blogger สายอาหารที่มาร่วมโต๊ะกันครับ


สนใจสำรองที่นั่ง หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0-2714-2575
เปิดบริการ จันทร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 ถึงเที่ยงคืน

ขอให้มีความสุขกับประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่ม
แบบสร้างสรรค์สุด ๆ กันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น