พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Leapfrog Bar & Grill

รีวิวนี้ พาเข้าเมืองแต่หลบหลีกความวุ่นวายของเมือง
เอ๊ะ งงมั้ยครับ อย่าเพิ่งงงครับ เพราะรีวิวนี้จะพาไปทานอาหาร
และเครื่องดื่มแสนอร่อย ในมุมเงียบสงบในสุขุมวิทซอย 10 กันครับ


กับ Leapfrog Bar & Grill ที่ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของ
โรงแรมแกเลอเรียเท็น กรุงเทพฯ Galleria Ten Bangkok ครับ
การเดินทางก็ใช้บริการ BTS ลงสถานีอโศก หรือ นานา ก็ได้
เดินมายังปากซอยสุขุมวิท 10 จากนั้นจะเดินเล่นเข้าไปประมาณ
5 นาที หรือโทรติดต่อให้ทางโรงแรมส่งรถมารับที่ปากซอยก็ได้ครับ
ทางโรงแรมมีบริการรถรับส่งระหว่างโรงแรมและปากซอยสุขุมวิท 10



ห้องอาหารลีพฟร็อก บาร์ แอนด์ กริลล์” (Leapfrog Bar & Grill)
ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของโรงแรมแกเลอเรียเท็น กรุงเทพฯ
ได้รับการตกแต่งในสไตล์ร่วมสมัย ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก
ผ่อนคลาย สบาย และรู้สึกเป็นส่วนตัวล้อมรอบด้วยกระจก
เพื่อให้สัมผัสทัศนียภาพแสนสวยงามของกรุงเทพมหานคร
ทั้งช่วงกลางวันและยามค่ำคืน ภายในกว้างขว้าง โปร่งสบาย
เน้นไฟโทนสีแดงในการตกแต่ง ประดับด้วยรูปภาพเขียนและรูปปั้นของกบ
ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของห้องฯ ถูกเนรมิตพื้นที่อย่างลงตัว
ด้วยการออกแบบและตกแต่งภายในโดย มร.เควิน คริสติสัน ชาวอเมริกัน




ห้องอาหารสามารถรองรับลูกค้าผู้มาใช้บริการได้สูงสุด 80 ที่นั่ง
แบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้

- สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัวสามารถเลือกใช้บริการ
ห้องไพรเวทรูม (Private Room) ที่สามารถจุได้ 10-12 ที่นั่ง


- เข้ามาบริเวณภายในร้าน สามารถจุได้ 30 ที่นั่งท่านสามารถ
มองเห็นบาร์ ที่มีบาร์เทนเดอร์โชว์ทำเครื่องดื่มให้ท่าน
ได้เลือกสรรตามแต่รสนิยมและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล
พร้อมทั้งมีบริการแชมเปญและไวน์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก
คลอเคล้าด้วยเสียงเพลงร่วมสมัยอันไพเราะ 
 






- สำหรับพื้นที่ด้านนอก (Outdoor) สามารถจุได้ 40 ท่าน
ไว้รองรับลูกค้าที่ต้องการความผ่อนคลาย สบาย สูดอากาศสดชื่นภายนอก
บริเวณที่นั่งจะล้อมรอบสระว่ายน้ำของโรงแรมฯ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์
ที่นั่งกว้างขวาง สบาย เหมาะกับการสังสรรค์ในหมู่เพื่อน


 
 


เมนูของห้องอาหารลีพฟร็อก บาร์ แอนด์ กริลล์ เป็นอาหารสไตล์นานาชาติ
ฟิวส์ชั่นชั้นเยี่ยม อาทิ Rack of Lamb” จากไอร์แลนด์,
“Salmon en papillote” จากฝรั่งเศส, “Ceviche seafood” จากอเมริกาใต้,
“Osso buco - beef” จากอิตาเลี่ยน, “Deep fried papaya salad” ไทยฟิวชั่น เป็นต้น  
คัดสรรวัตถุดิบและควบคุมการปรุงแต่งอย่างพิถีพิถัน โดยหน้าตาอาหาร
จะเน้นสีสัน จึงสามารถรับประกันคุณภาพและความอร่อยทุกเมนู 


 
เดี๋ยวเรามาลองดูอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ผมได้ลิ้มรสลองความอร่อยกัน
ว่าหน้าตาจะสะสวย สดใส น่าทาน น่าอร่อย อย่างที่ผมเกริ่นไว้มั้ยกันดีกว่าครับ
มาเริ่มกันที่ Cocktail แก้วแรกกันก่อน Mango Mojito
รสชาติดี รัมนำมา มีเนื้อมะม่วงมาให้เคี้ยว ดื่มไปเคี้ยวไปเพลินครับ


แก้วที่ 2 Frog Lover เป็น Cocktail แนวผลไม้เมืองร้อนหลายชนิด
ผสมเหล้าหวานและตากีล่า สีสันส้มสดใส 
สาว ๆ น่าจะรักเหมือนที่กบรักสมชื่อ


แก้วที่ 3 Fast Frog เป็น Cocktail สีเขียวใส ๆ รสสับปะรด
เปรี้ยวนิด ๆ เย็นชื่นใจ


แก้วที่ 4 เป็น Tequila Sunrise สีส้มสดสวยอีกแก้ว แรงด้วยตากีล่าผสมน้ำส้มครับ

แก้วที่ 5 Leapfrog's Long Island เป็น Cocktail รสชาเย็น สดชื่น ๆ
กระปรี้กระเป่าแรง ๆ ครับ เพราะส่วนผสมแอลกอฮอล์ถึง 5 ชนิดในแก้วเดียว


แก้วที่ 6 เป็น Cocktail แนวช็อคโกแล็ต
ใครชื่นชอบช็อคโกแล็ตผสมแอลกอฮอล์ละก็ต้องไม่พลาด
กับ Toblerone ที่ main เป็น คาลัว ผสมช็อคโกแล็ตชิพ


แก้วที่ 7 ออกแนวน้ำกะทิ กับ Pina Colada
เป็นมาลิบูผสม coco milk มัน ๆ หอม ๆ ดีครับ


แก้วที่ 8 ปิดท้ายสำหรับ Cocktail ที่ได้ลอง
เป็น Chocolatini ด้วยส่วนผสมของมาตินี่กับช็อคโกแล็ต
และ creme de cacao อร่อยลงตัวมาก ๆ ครับ

 
อุ่นเครื่องกันกับ Cocktail ไปแล้ว ก็มาต่อกันที่อาหารเลยครับ
เริ่มต้นกับ อาหารแนวทาปาส Tapas นานาชาติ ซึ่งมีให้เลือก
หลายชนิด และสามารถเลือกมาเป็นพวก 3 อย่าง(480 บาท)
หรือ 5 อย่าง(650 บาท) ที่เรียกว่า The Frog's Trees 
เหมือนที่ผมสั่งมาก็ย่อมได้ครับ รสชาติหลากหลายเข้ากับเครื่องดื่มดี

 
5 อย่างประกอบไปด้วย
Smoked Duck Spring Rolls เปาะเปี๊ยะเป็ดรมควัน


Avocado Salsa Bruschettas ชีสเสียบไม้ซอสอโวควาโด้


Mozzarella Cheese Bites ชีสทอด


Wild Frog's Legs Tempura Thai Style ขากบทอดซอสกระเทียม


Ahi Tuna & Wasabi Dip เนื้อปลาทูน่าย่างราดซอสวาซาบิ



ถัดมาเป็นจานพิซซ่าครับ กับ Pizza Fuss (239 บาท)
เป็นหน้า Four Season ประกอบไปด้วย แฮม เห็ด พริกหวานและไข่ดาว
หน้าตาดี รสชาติดี สนุกตรงที่มีไข่ดาวมาให้แย่งกันด้วยครับ 555


 


มาต่อกันที่ของทานเล่นกันอีก กับ Platter of Grilled Seafood (299 บาท)
รวมอาหารสัตว์น้ำ คือ ปลาดอรี่ ปลาหมึกและกุ้ง เสียบเหล็กย่างบาร์บีคิว
มาพร้อมซอสพริกแบบไทย ๆ อร่อยถึงใจครับ




ตัดรสด้วยอาหารทางเล่นเบา ๆ ที่เป็นยำสไตล์อเมริกาใต้
อย่าง Ceviche Seafood (300 บาท) จากประเทศบราซิล
ยำออกรสเปรี้ยว ไม่เผ็ดหรือรสจัดเหมือนยำของบ้านเราครับ
ทานง่าย ๆ สดชื่น ๆ ครับจานนี้ เต็ม ๆ กับหอยเชลล์ กุ้ง และปลาหมึก


 

ต่อกันที่ Assortment of Satay (239 บาท)
เป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ 3 อย่าง อย่างละ 2 ไม้
ย่างสะเต๊ะ บนเตาถ่านหอม ๆ พร้อมน้ำจิ้มรสกลมกล่อมครับ



แล้วก็คอหมูย่าง (199 บาท) แบบไทย ๆ กันอีกจาน
คอหมูย่างหอม ๆ จิ้มกับแจ่วรสชาติดี



มาเข้า main dish กันบ้างครับ เริ่มจากจานเด็ดที่น่าจะโด่งดัง
ที่สุดในละแวกสุขุมวิทกันครับ กับ Fish & Chips (250 บาท)
เนื้อปลาชิ้นโต 2 ชิ้น กับ มันฝรั่งทอด ยังไม่พอ
ยังมีกุ้งแม่น้ำทอดตัวใหญ่มาอีก 1 ตัว ให้ได้เคี้ยวฟินกันต่อครับ



เจอเมนูนี้เข้าไป เลยต้องขอจัดเบียร์ตามเลยครับ
ซึ่งเบียร์มีให้เลือกทั้งเบียร์ไทย เบียร์นำเข้า และเบียร์สด(บางยี่ห้อ)
ผมเลือก Corona Extra Beer (250 บาท) และ Hoegaarden (250 บาท)
มาเป็นตัวเลือกจับคู่กับอาหารทอด ๆ ครับ



รวมถึงเบียร์ก็ยังนำมาเข้าคู่กันกับ อาหารจานต่อไปนี้ได้ดีอีกด้วย
กับ Homemade Burger with Chips (239 บาท)
ขนมปังหนาแต่นุ่มใน ยัดไส้เนื้อเบอเกอร์มาเต็ม สุกแบบชุ่มฉ่ำ
ประกบด้วยชีสอย่างดีและผักสด ๆ อร่อยได้ใจเลยครับ



 


ถัดมาเป็นเมนูจานปลา เป็น Salmon en papillote (380 บาท)
เนื้อปลาแซลมอนสุกกำลังดี ทำสไตล์ฝรั่งเศส วางบนหน่อไม้ฝรั่ง
และมันบดเนื้อเนียน ๆ อร่อยครับ


 


เข้าคู่กันกับไวน์ขาว (เริ่มต้นแก้วละ 240-320 บาท) เลยครับ


จานต่อมาเริ่มหนักขึ้นครับ เป็น Rack of Lamb (550 บาท)
เนื้อแกะหมักเครื่องเทศย่าง สไตล์ไอร์แลนด์ หอมเครื่องเทศ
และกดกลิ่นสาบของแกะได้อย่างหมดจด ทำให้ทานง่าย
เคี้ยวได้ไม่ยาก เพลินจนหมดจาน




เข้าคู่กันกับไวน์แดง (เริ่มต้นแก้วละ 240-320 บาท) เช่นกัน


และไวน์แดงก็ยังเข้ากันได้ดีกับจานถัดไปกับ
Osso Buco - Beef (550 บาท) ทำจากแข้งลูกวัว ซึ่งโพรงตรงกลาง
ของกระดูกจะมีคอลลาเจน นำมาตุ๋นซอสสไตล์อิตาเลียน
รสชาติกลมกล่อม เกินบรรยายครับ โดยเฉพาะคอลลาเจน
ตรงโพรงกลางกระดูกครับ




อิ่มจากของคาว เราก็ไปยังของหวานกันครับ กับจานแรก
ที่เป็นจาน Chef's Recommend และเด็ดจริง ๆ กับ
Paratha on Fire (199 บาท) เป็นแป้งกรอบซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น
โดยแต่ละชั้นจะแทรกไปด้วยบลูเบอร์รี่ น้ำผึ้ง คัสตาร์ดและช็อคโกแล็ตซอส



ถัดมาเป็น Sexy Cheese Cake & Fresh Berries (180 บาท)
เป็นชีสเค้กราดซอสบลูเบอร์รี่ มาพร้อมกับไอศกรีมวนิลาเย็น ๆ
รสชาติดี อร่อยชื่นใจ



ปิดท้ายของหวานด้วย Tiramisu (180 บาท)
เค้กทีรามิสุ ที่โดนเนื้อเค้กสีขาวหุ้มชั้นกาแฟไว้ด้านใน
มาพร้อมกับไอศกรีมวนิลา เข้ากันดีแสนดีครับ



แล้วผมก็ขอปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Glenfarclas 12 ปี (แก้วละ 300 บาท)
เป็น Single malt on the rock ชื่นใจก่อนกลับบ้านอย่างมีความสุข
ทุกราคาของรายการอาหารและเครื่องดื่มเป็นราคาสุทธิแล้วครับ
ไม่ต้องกังวลเรื่อง ++ ให้มากวนใจด้วย

 

พิเศษ! พบกับโปรโมชั่นดังนี้
Happy Hour (18.00 – 20.00 . ทุกวัน)
- เครื่องดื่มทุกประเภท ซื้อ 1 ฟรี 1

Guys Sundown (20.00 . เป็นต้นไป ทุกวันพฤหัสบดี)
ซื้อ 1 ฟรี เบียร์2 แก้ว เฉพาะสุภาพบุรุษ

Female Dusk (20.00 . เป็นต้นไป ทุกวันศุกร์) 
ฟรี 3 ดริ้งค์ เครื่องดื่มทุกชนิด เฉพาะสุภาพสตรี

Funky Night (20.00
. – เที่ยงคืน ทุกวันเสาร์)
สนุกไปกับดีเจแนวเพลง Funky

ห้องอาหารลีพฟร็อก บาร์ แอนด์ กริลล์ เปิดบริการทุกวันเฉพาะมื้อค่ำ
ตั้งแต่เวลา
16.30 – 01.00 .


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง

www.galleriatenbangkok.com
www.facebook.com/Galleriatenbangkok
www.facebook.com/LeapfrogBKK
ติดต่อ โทร
. 0-2615-0999
e-mail:
rbm@galleriatenbangkok.com

ขอให้อิ่มอร่อยดื่มด่ำอย่างมีความสุขกันนะครับ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น