หากพูดถึงแฮมเบอเกอร์ในเมืองไทยแล้ว
ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมาก ๆ
ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมาก ๆ
ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Fast
Food ชื่อดัง
ที่เปิดตามห้างสรรพสินค้า หรือปั้มน้ำมันต่าง
ๆ,
ร้านสไตล์โฮมเมด, ร้านแบบ Food Truck,
ร้านอาหารฝรั่งต่าง ๆ และร้านแฟรนไชส์จากต่างประเทศ
ที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง
ร้านสไตล์โฮมเมด, ร้านแบบ Food Truck,
ร้านอาหารฝรั่งต่าง ๆ และร้านแฟรนไชส์จากต่างประเทศ
ที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง
ทั้งเรื่องคุณภาพ ขนาด รสชาติและราคา
ที่มีให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ได้เลือกอิ่ม เลือกอร่อย
กันอย่างมากมาย และในวันนี้ ผมจะขอแนะนำร้านเบอเกอร์ดี ๆ
อีก 1 ร้านให้ได้รู้จักกัน กับ Teddy's Bigger Burger ครับ
เพราะร้านนี้ได้รับการโหวตให้เป็น
Hawaii’s Best Burger กันเลยทีเดียวครับ
ที่มีให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ได้เลือกอิ่ม เลือกอร่อย
กันอย่างมากมาย และในวันนี้ ผมจะขอแนะนำร้านเบอเกอร์ดี ๆ
อีก 1 ร้านให้ได้รู้จักกัน กับ Teddy's Bigger Burger ครับ
เพราะร้านนี้ได้รับการโหวตให้เป็น
Hawaii’s Best Burger กันเลยทีเดียวครับ
อยากทราบมั้ยว่าเพราะอะไร ตามอ่าน
ตามดูรูปให้หิวกันได้เลย
ตามดูรูปให้หิวกันได้เลย
โดยตัวร้านนั้นตั้งอยู่ที่ชั้น G ครับ เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเป็น
รถส่วนตัวก็มีที่จอดรถเยอะ หรือจะเป็น BTS
ก็ลงสถานีเอกมัย
แล้วจะมีทางเชื่อมต่อเข้าสู่ตัว
Gateway Ekamai เลยครับ
Teddy's Bigger Burger
ตกแต่งด้วยบรรยากาศสไตล์ฮาวาย
เพราะเป็นเบอเกอร์ที่มีต้นกำเนิดมาจากฮาวาย
สหรัฐอเมริกา
ซึ่งของตกแต่งส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวพันกับ
ชายหาดและท้องทะเล
ไม่ว่าจะเป็นห่วงชูชีพ เซิร์ฟบอร์ด
ไม้พายคายัค เป็นต้น
ลักษณะร้านเป็นแบบเปิดโล่ง สบายตา
การจัดวางโต๊ะก็ไม่ชิด
และคับแคบให้อึดอัด กำลังเหมาะ
ไม่ว่าจะไปกินกันแบบหมู่คณะ
หรือคนเดียวก็ย่อมได้ครับ
มาดูเมนูกันบ้าง ได้ถ่ายมาทุกหน้า
ให้ได้ลองเลือกดูครับ
มีทั้งของกินเล่น อาหารจานรอง เครื่องดื่ม
และเบอเกอร์ให้เลือกแบบจะเป็น set
จะเป็นชิ้นเดี่ยว
หรือจะเป็นแบบ D.I.Y.
ที่เป็นทีเด็ด
ของ Teddy's Bigger Burger
ก็สามารถดู Topping ที่อยากกิน อยากใส่ได้ตามใจเลยครับ
เพราะผมก็จัดเมนู D.I.Y.
มาเช่นกันครับ เดี๋ยวคอยดู
ในการออเดอร์อาหารนั้น สามารถกดปุ่มข้างโต๊ะ
หรือวิธีการสั่ง ก็สามารถสอบถามพนักงานได้ครับ
จะได้รับคำอธิบายอย่างชัดเจนดีทีเดียว
ที่สำคัญ
พนักงานที่นี่นั้น ภาษาอังกฤษคล่องมาก
ชื่นชมเลย
หลังจากสั่งออเดอร์ไป
เริ่มจากเครื่องดื่มกันก่อนครับ
เริ่มจากเครื่องดื่มแบบไร้แอลกอฮอล์สีสวย ๆ
สัก 3
แก้ว
สีฟ้า เป็น Deep Ocean (รส Blue Hawaii)
สีแดง เป็น Volcano (รส
Strawberry)
สีเหลือง เป็น Aloha
Hawaii (รส Orange)
เป็นเครื่องดื่มแนว Italian
Soda / Mocktail ที่คุ้นเคยกัน
สำหรับผมถ้าจัดเบอเกอร์
ขอเป็นเบียร์จะเยี่ยมมาก
เลยจัด เบียร์อเมริกันอย่าง Budweiser
มาคู่กับเบอเกอร์
อเมริกัน-ฮาวายกันครับ ราคาขวดละ 180+
บาท
แล้วก็จะมีเบียร์อีก 2 ยี่ห้อให้เลือกครับ
แล้วก็จะมีเบียร์อีก 2 ยี่ห้อให้เลือกครับ
และเนื่องด้วยการไปทำรีวิวครั้งนี้ ทางร้านเชิญให้ผมเข้าไป
ผมก็ไม่พลาดครับ คว้ากล้องแล้วรีบเข้าไป
หวังจะได้ช็อตเด็ด
และก็สมใจกับช็อตนี้
กับการปรุงเนื้อเบอเกอร์สดใหม่ทุกออเดอร์(1)
เป็นการนำเข้าแบบ Chilled
ในส่วนของ Ground Chuck 100%
(สันคอ-สันไหล่) ไม่มีสิ่งอื่นใดเจือปนในเนื้อ
ทำให้เนื้อมีความหอมและชุ่มฉ่ำ(2)
และยังไร้สารสังเคราะห์
และฟิลเลอร์(3) อีกด้วยครับ
โดยการย่างเนื้อผ่านความร้อน
จากหินภูเขาไฟ ที่ให้ความร้อนที่คงที่อีกด้วย
หลังจากได้ภาพที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็ออกมาที่โต๊ะ
อาหารที่สั่งไปก็ทยอยออกมา เป็นอาหารจาก Side
Dish
เบคอนกรอบ ชีสและขนมปัง รวมถึงน้ำสลัด
จัดมาได้พอดีกับผักในจาน
เหมาะกับการเริ่มต้นมื้อหนักนะครับ
เพราะผักจะช่วยให้กระเพาะเราเริ่มทำงานอย่างเบา
ๆ
เป็นการวอร์มอัพก่อนจะจัดเบอเกอร์เนื้อชิ้นใหญ่
ๆ ตามลงไปครับ
New Orleans Chicken Wings ปีกไก่ย่างสูตรนิวออลีนส์
Mix Grilled Sausages ไส้กรอกรวมย่าง
ราคา 130+ บาท
ไส้กรอกหลายรสชาติ
และรสสัมผัสที่แตกต่างกัน อร่อยได้ไม่ซ้ำ
ส่วนตัวชอบเนื้อลูกวัวสีขาวมากที่สุด
นุ่มหอมอร่อย
Cheezzee Fries มันฝรั่งทอดราดชีส ราคา 75+ บาท
มันฝรั่งทอดกรอบร้อน ๆ ราดด้วยชีสเยิ้ม ๆ
เข้มข้น
ก่อนจะไปลุยเบอเกอร์กันครับ
ก่อนอื่นมาทำความรู้เพิ่มกันอีกสักนิดครับ
เนื้อวัวของ Teddy's
Bigger Burger ที่นำมาทำเบอเกอร์นั้น
มี 3 ขนาดด้วยกันคือ
5 oz. 7 oz. และ 9 oz.
ขนาดมาตรฐานคือ 5 oz.
และสามารถเพิ่มขนาดเนื้อหรือจำนวนชิ้นเนื้อได้
โดยการเพิ่มราคา +60 บาท และ +90 บาท ต่อ ชิ้น ตามลำดับ
ระดับความสุกของเนื้อมี 5 ระดับด้วยกัน คือตั้งแต่
Rare > Medium Rare > Medium >
Medium Well > Well Done(4)
ซึ่งส่วนตัวผมแนะนำและชอบ Medium
Rare เป็นการส่วนตัว
เพราะเนื้อที่ได้จะไม่สุกเกินไปยังคงมีความชุ่มฉ่ำของเนื้ออยู่สูงมากครับ
สำหรับซอสมีให้เลือก 6 ชนิดด้วยกัน(5)
โดยจะมี
-
ซอสสูตรพิเศษ คล้ายมายองเนสผสมมัสตาร์ด
-
ซอส Spicy
คล้ายทาบาสโก้
-
ซอสเทริยากิ คล้ายซอสญี่ปุ่นที่ใช้กับของย่าง
-
ซอสบาร์บีคิว คล้ายกับที่ทาบนซี่โครงหมูบาร์บีคิว
-
ซอสพริกไทยดำ คล้ายกับที่กินกับสเต็ก
-
ซอสวาซาบิ
คล้ายกับซอสฟิวชั่นของอาหารญี่ปุ่นฉุนดี
ให้เราได้เลือกตามความชอบเลยครับ
ซึ่งทุกตัวนั้น รสชาติ
ทำออกมาได้ค่อนข้างเข้ากับเบอเกอร์ได้ดีครับ
เนื้อเบอเกอร์ของ Teddy's
Bigger Burger
มีให้เลือกนอกเหนือจากเนื้อวัว Angus
แล้ว
ก็ยังมีเนื้อหมู เนื้อไก่ และเบคอนให้ได้เลือก
สำหรับคนไม่ทานเนื้อวัวอีกด้วย(6)
เบอเกอร์ชิ้นแรกที่มา เป็น
เป็น 1 ใน Teddy's
Original Burger ขึ้นชื่อของร้าน
ซึ่งขนมปังของเบอเกอร์นั้น ของทางร้านใช้เป็น
Potato Bun ขนมปังมันฝรั่งที่มีความนุ่มหนึบและรสชาติ
ที่ออกหวาน ๆ มัน ๆ นิด ๆ(7)
เนื้อหมูเกรดดีมาก ๆ นุ่มสุกมาร้อน ๆ กำลังดี
ชุ่มฉ่ำด้วยซอสเทริยากิสูตรเด็ดของทางร้าน
มาพร้อมกับสับปะรดชิ้นหนา แตงกวาดอง มะเขือเทศ
หัวหอมใหญ่และผักกาดแก้ว
มาชิ้นแรกก็ประทับใจแล้วล่ะครับ
เบอเกอร์ชิ้นถัดมา เป็นอีก 1 ใน Teddy's Original Burger
คราวนี้เป็นเบอเกอร์เนื้อน้ำหนักเนื้อ 5
oz.
ความสุกระดับ medium rare ราดด้วยซอสบาร์บีคิว
และที่สำคัญเมนูเบอเกอร์ชิ้นนี้ ไม่มีผัก
ใครไม่ชอบกินผัก
และชอบเนื้อ ๆ (ยกเว้นหอมหัวใหญ่ทอด)
สไตล์ตะวันตก
เป็นอีก 1 เมนูที่น่าลิ้มลองมาก
ๆ เลยครับ
ชิ้นถัดมา Monster Double
Burger ราคา 360+ บาท
เป็นเมนูแสดงถึงความใหญ่บิ๊กเบิ้มของเบอเกอร์ร้านนี้ครับ
ประกอบไปด้วย เนื้อ Angus
เบอเกอร์สุกแบบ medium rare
น้ำหนัก 5 oz. 2 ชิ้น
ซ้อนกันมา ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ
รสชาติซอสดีงามมาก ๆ เข้ากันดีกับเนื้อวัว
รสจะคล้าย ๆ
มายองเนสผสมกับมัสตาร์ด
ที่ดูเยิ้มดั่งชีสแต่ไม่เลี่ยนครับ
เสิร์ฟมาพร้อมกับผักกาดหอม หอมหัวใหญ่
มะเขือเทศ
แตงกวาดอง เบคอน อะโวควาโดครับ ชิ้นโต ๆ หนา ๆ
ใหญ่ ๆ สะใจเลยล่ะ
อีกชิ้น เข้าสู่โหมด D.I.Y.(8)
ครับ แต่เริ่มต้นด้วยแบบเล็ก ๆ
กับ Teddy's Original Burger ที่เพิ่มท็อปปิ้งเข้าไป
โดยจะมี พริกดอง Jalapeno,
แซลมอนรมควัน แล้วทำการ
ซึ่งตัวพริกดองที่มีรสเปรี้ยว กับ ซอส Spicy
รสเผ็ด
มีความเข้ากันได้ดีอย่างลงตัว
และเมื่อกินพร้อมกับเนื้อ
ปลาแซลมอนรมควัน และเนื้อวัวแบบ Medium
rare
จัดว่าชิ้นนี้เป็นการ Match
up กันได้อย่างลงตัวครับ
ชิ้นนี้ จัดแล้วราคาอยู่ที่ 300 กว่าบาท + ครับ (จำราคาแน่นอนไม่ได้)
ถัดมาชิ้นสุดท้าย จัดเต็ม D.I.Y.
แบบ Finale เลยครับ
เป็นชิ้นที่ผมจัดเองกับมือ ว่าต้องการอะไร
ตอนสั่งไป ๆ
ยังกังวลอยู่ว่า ทางร้านจะจัดออกมาไหวหรือไม่
ลุ้นมาก ๆ
โดยชิ้นนี้ จะเริ่มต้นจาก Monster
Double Burger
เพิ่มขนาดเนื้อเป็น 7
oz. 2 ชิ้น ความสุกแบบ Medium Rare
ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ เพิ่มซอสวาซาบิอีก 1 ซอส
เพิ่มท็อปปิ้งดังนี้ เบคอน ไข่ดาว ผักร็อคเก็ต
อเมริกันชีส
จัดว่าเป็นเบอเกอร์ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยสั่ง
ใครจัดใหญ่กว่านี้ได้ก็เชิญมาลองครับ เสียดายที่เนื้อ
9
oz. หมด
ไม่งั้นผมจะสะใจยิ่งกว่านี้แน่ ๆ เพราะเนื้อดี
เนื้ออร่อย หอมย่างไฟ
ราคาชิ่นนี้รวมแล้ว 700
กว่าบาท + ครับ
อร่อย คุ้มค่า
กับที่คิดและครีเอทออกมาเลยล่ะครับ
หากคิดว่าเบอเกอร์ใหญ่เกินกว่าจะหั่นเองได้
ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพนักงานได้ครับ
ให้ช่วยตัดแบ่งให้เป็นส่วน ๆ ได้ครับ
ยังไม่จบแค่นี้ ขอตบท้ายด้วย Milk
Shake ที่มีถึง 4 รสชาติ
ให้เลือกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ช็อคโกแล็ต, วนิลา,
สตอเบอร์รี่
และกาแฟ ราคาแก้วละ 120+
บาท
เป็นไอศกรีมปั่นกับนม ได้ความเข้มข้นถึงใจ
เป็นเมนูยอดฮิตที่ฮาวายนิยมกินคู่กับกับเบอเกอร์ครับ
และปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง PineApple
Panna Cotta
พานาค็อตต้าสับปะรด
รสชาตินุ่ม ๆ ละมุนลิ้น
เปรี้ยวสับปะรด
ได้รสชาติสดชื่นปิดท้ายมื้อดีเลยครับ
ที่ตอนนี้มีโปรโมชั่น เพียงแค่เช็คอิน
ก็ได้รับฟรีกันเลยครับ
เป็นยังไงบ้างครับ กับ Teddy's
Bigger Burger
ร้านเบอเกอร์จากฮาวาย ที่ก่อตั้งกันขึ้นมาโดยชาวอเมริกัน
2
คน
คือ Mr.Ted กับ Mr.Rich ที่ชื่นชอบการกินเบอเกอร์อย่างดี
ประกอบกับการที่อยู่ฮาวายแล้วหากินยากนัก
ก็ตั้งร้านขึ้นมาซะเลย
จนปัจจุบันนี้ มีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก
โดยในไทยนี้ก็มี
สำหรับผมเป็นร้านเบอเกอร์ที่คุ้มค่าในราคา
ปริมาณ คุณภาพ
และรสชาติ ไม่ควรพลาดสำหรับคอเบอเกอร์เลยครับ
แล้วคุณจะรู้ว่าสวรรค์ของคนรักเบอเกอร์อยู่ที่นี่
!!!
กับ (1)-(8) เคล็ดลับความอร่อยที่ Teddy’s Bigger Burger
สนใจสำรองโต๊ะและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สาขา Gateway Ekamai โทร. 02 004 1065
สาขา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า โทร. 02
884 6336
ขอให้อิ่มอร่อยกับเบอเกอร์แบบจัดเต็มชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น