พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Amazing A5 Akita Wagyu @ The Roof Gastro


รีวิวนี้ จะพามายัง


ที่มีห้องอาหารแบบ Roof Top
ที่สวยที่สุดอีก 1 แห่งของ กรุงเทพฯ
กับห้องอาหาร The Roof Gastro
ซึ่งที่โรงแรมนี้ผมเคยมาเยือนแล้ว
1 ครั้งเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว
ช่วงเทศกาล Halloween ครับ
ตอนนั้น Chef Gilles Poitevin จัดเมนู
"MonSoon" ซึ่งเป็นอาหารฝรั่งเศส
สไตล์ Gastro Gourmet ครับ
ตอนแรกก็ต้องขึ้นไปที่ The Roof Gastro
แต่บังเอิญวันนั้นฝนตก เลยต้องย้ายลงมา
รีวิวที่ห้องอาหาร La Vue แทนครับ
สามารถชมรีวิวครั้งก่อนได้ที่ 

ในครั้งนี้ที่กลับมานั้น กลับมาเพื่อเมนูเด็ด
ที่กำลังจัดโปรโมชั่นกับเนื้อนำเข้าจากญี่ปุ่น
ที่ได้รับรางวัลที่ 3 จากการแข่งขันประกวด
เนื้อวัวญี่ปุ่น(วากิว)โอลิมปิค ในปี 2012 ครับ
กับเนื้ออาคิตะ วากิว เกรด A5
(AKITA WAGYU Marble Score A5)
ที่ผมได้รับเกียรติจาก REVU.net
Review Platform รูปแบบใหม่ที่เป็นการ
ร่วมมือกันระหว่าง Yellostory จากเกาหลีใต้
กับบริษัท Click2Biz จำกัด
และบริษัทAlternate 65 จำกัด
ให้เป็น 1 ใน 5 Bloggers มารีวิวเมนูเด็ดครับ
อนึ่ง เนื้อวัวอาคิตะ Akita นั้น เป็นเนื้อวัว
สายพันธุ์ Kuroge-wagyu ก็คือวัวญี่ปุ่นขนดำ
เกรดเดียวกันกับโกเบและมัตสึซากะ
ที่เลี้ยงกันเพียงปีละ 3,000 ตัวเท่านั้น
เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพ โดยต้องเลี้ยง
ด้วยรำข้าวของข้าวอาคิตะและน้ำแร่ธรรมชาติ
ที่มีในเมืองอาคิตะเท่านั้น และเนื้อวัวอาคิตะนั้น
จะมีเพียงเกรดไขมันแทรก A3 A4 และ A5 เท่านั้น
ซึ่งในครั้งนี้นั้น Chef Gilles Poitevin
และ Chef ประจำห้องอาหาร The Roof Gastro
จะรังสรรค์เมนูอะไรออกมาให้ได้ชิมกัน
เดี๋ยวมาติดตามกันครับ
ตั้งอยู่บนถนนพระราม 1 เยื้องกับสนามกีฬาแห่งชาติ
และสุดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงทางออกที่ 1
แล้วเดินมาอีกประมาณ 100 เมตร
จะเจอกับโรงแรมที่ตั้งอยู่ปากซอยเกษมสันต์ 3
เป็นโรงแรมที่มีดีไซน์สวย มีสไตล์เลยทีเดียวครับ
เสียดายที่ตอนนี้มีการปรับปรุงชั้นล่างอยู่
เลยทำให้ไม่ได้ภาพสวย ๆ มาฝากครับ
แต่ก็กลับไปดูที่รีวิวครั้งก่อนได้ครับ




จากชั้นล่าง เราขึ้นลิฟท์กันเลยครับ เพื่อไปยัง
ชั้น 25 ที่เป็นชั้นสูงสุดที่ลิฟท์ไปถึง
หน้าลิฟท์และภายในลิฟท์ก็มีการดีไซน์แต่ง
ลูกเล่นสีสันเพิ่มเติมเข้าไปด้วยครับ



 

จากชั้น 25 เราต้องเดินเท้าต่ออีก 1 ชั้นครับ
ระหว่างชั้นก็มีการตกแต่งสวยงาม

 

ในแนวสไตล์
Industrial-Art Design เน้นโชว์โครงสร้างเหล็ก
และการเปลือยโชว์โครงสร้าง พร้อมการใช้สีสัน
กรอบรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งหลอดไฟมาประดับ
ให้เกิดความสวยงามและกลมกลืนกันอย่างลงตัว
ขึ้นมาครึ่งชั้นจะเจอกับห้องอาหาร La Vue
ที่เป็นอีกทางเลือกนึงในกรณีที่ Roof Top ฝนตก




ขึ้นบันไดมาอีกรอบนึง ก็จะเป็นที่ตั้งของ
ห้องอาหาร The Roof Gastro
ชั้นดาดฟ้าที่มีวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งของกรุงเทพฯ
และเป็นที่ที่จะได้สัมผัสกับเนื้ออาคิตะ วากิว A5 
ที่ผ่านฝีมือการปรุงจาก Chef ประจำตามสูตรของ
Chef Gilles Poitevin กันแล้วครับ


 

 




ไหน ๆ ก็ได้ขึ้นมาชั้น Roof Top แล้ว
เรามาเดินเล่นชมบรรยากาศ
ห้องอาหารและวิว ยามราตรี ก่อนไปกินเมนูเด็ด
วิวมองได้กว้าง ๆ สบาย ๆ ตาด้วยการประดับ
แสงสี แสงไฟ สวยงามในค่ำคืนที่ลุ้นระทึก
อยู่ตลอดเวลาว่า ฝนจะตกลงมามั้ย เพราะว่า
ลมฝนพัดแรงตลอดเวลาที่ผมขึ้นไปเลยครับ

 
กลับไปยังที่โต๊ะที่จองกับทางห้องอาหารไว้
ที่เป็นโต๊ะริม ชิดกับขอบตึก เห็นวิวชัดเจนสวยงาม
เจอลมแรงแบบนี้ เวลาอาหารมาจะมีเวลา
เก็บภาพได้ไม่นาน ต้องรีบชิม ไม่งั้น
อุณหภูมิอาหารที่ทำมาเปลี่ยน ก็จะส่งผล
ต่อรสชาติของอาหารแต่ละจานได้
แต่แล้วผมก็ทำไม่ได้ เพราะแต่ละเมนู
ที่ Chef ทำออกมานั้น น่าถ่ายภาพไปซะทุกมุม


เริ่มจากเมนูแรกเลยละกันครับ
A5 Akita Rump Sashimi 
(800 บาท++)

 
 
ที่ Chef ตั้งใจจะให้เราได้รับรู้รสชาติจริง ๆ
ของเนื้ออาคิตะวากิว ผ่านการชิมแบบดิบ ๆ
สไตล์ซาซิมิของญี่ปุ่น ก่อนจะไปยังเมนู
ที่มีการปรุงรสเพิ่มเติมครับ
เนื้อซาซิมิ ที่เลือกใช้ส่วนสะโพก(ต้นขาหลัง)ของวัว
เชฟได้เลือกส่วนที่มีมันแทรกมากที่สุดของชิ้นเนื้อ
มาแล่และเสิร์ฟแบบซาซิมิ
 




ทำการเสิร์ฟพร้อมซอสพอนสึและซอสงาญี่ปุ่น
ที่ให้รสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ทั้งคู่ก็เสริมเติมความสนุกในการกินซาซิมิ
เนื้อดิบได้อย่างดี มีความเป็นเอกลักษณ์ของซอส
ในแต่ละตัว โดยที่ไม่ทำลายรสชาติของ
เนื้อ A5 อาคิตะ วากิว แต่อย่างใด
เช่น พอนสึ จะมีรสเปรี้ยวสดชื่นเป็นตัวนำ
ส่วน งาญี่ปุ่น จะหอม หวาน มัน เป็นอีกแนว
 
หรือจะกลับสู่สามัญ คือการแตะวาซาบิและโชยุ
สักเล็กน้อย ก็อร่อยได้อย่างเหลือเชื่อ
เพราะตัวรสชาติและกลิ่นหอมของเนื้ออาคิตะนั้น
หอม หวาน ยากที่จะบรรยายเป็นตัวอักษรได้
แต่สำหรับผม ขอติอยู่นิดเดียว คือความหนา
ของชิ้นเนื้อที่แล่มาทำซาซิมินั้น น่าจะบางกว่านี้
ได้สักครึ่งนึง จะได้สัมผัสของเนื้อที่ละลายในปาก
ได้มากกว่านี้ครับ เมนูนี้ถ้าให้คะแนนเต็ม 10
ผมกดให้ 9 คะแนน หักที่ชิ้นเนื้อหนาไป 1 คะแนน
นอกนั้นดีไปหมด ทั้ง รูป รส กลิ่น สี สัมผัส ครับ


เมนูที่สองกับ
A5 Braised Akita Shank in Carrot Stew 
(1,400 บาท++)


เชฟเลือกใช้เนื้ออาคิตะ ส่วนหน้าแข้ง(ขาหน้า)
มาเคี่ยวทำเป็นสตูว์เนื้อ ซึ่งก็ไม่ง่ายนะครับ
การที่จะทำสตูว์จากเนื้อหน้าแข้ง ให้ได้ความนุ่ม
และยังคงความนุ่มชุ่มชื้นของเนื้อที่เป็นเอกลักษณ์
อันโดดเด่นของเนื้อ A5 ซึ่ง Chef
ก็ทำออกมาได้เกือบสมบูรณ์


  
รสชาติเข้มข้นของสตูว์เข้ากันได้ดีมาก ๆ
กับเบเบี้แครอทที่มีรสหวาน
และมันบดที่เนียนดีมากอย่างกับดอกกะหล่ำขาวบดเลย
ที่ขาดไปหน่อยก็คือความนุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อวัว
ที่ควรจะมีอยู่ ให้ได้ละมุนละไมลิ้นมากกว่านี้อีกนิดครับ


แต่ทั้งหมดทั้งมวล รสชาติโดยรวมของจานนี้
ถือว่าเป็นความอร่อยในสไตล์คลาสสิค กลมกล่อม
ในรูปแบบอาหารฝรั่งเศสที่ Chef ตั้งใจนำเสนออีกเมนูครับ
คะแนนเต็ม 10 ของเมนูนี้ ผมกดให้ที่ 8 คะแนนครับ


เมนูสุดท้ายของเนื้ออาคิตะ ที่จัดได้ว่าเป็นแนวฟิวชั่นกับ
A5 Pan Seared Rump with Foie Gras 
(1,800 บาท++)

 
ที่เป็นการนำเอา 2 สุดยอดมารวมกันไว้ในจานเดียว
Chef เลือกเนื้อส่วนสะโพก(ต้นขาหลัง)เช่นเดียวกัน
กับเมนู Sashimi เพียงแต่เมนูนี้ จะเลือกในส่วน
ที่มีมันแทรกน้อยหน่อย ได้เนื้อแดงมากหน่อย
ให้เราได้ออกแรงเคี้ยวมากขึ้นอีกนิด แต่ยังคงความนุ่ม
และหอมกลิ่นเนื้อ

 

ด้วยการทำให้สุกเฉพาะผิวด้านนอก
ส่วนเนื้อด้านในนั้นมาแบบ Medium to Rare

เพื่อนำมาสู่ความสมดุลย์ในการกินพร้อมกับ
ตับห่านฝรั่งเศส ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยไขมัน
ความหอม และสัมผัสที่นุ่มละลาย ได้อย่างสมบูรณ์แบบ




 
และเมื่อกินพร้อมกับซอสไวน์แดงผสมผงวาซาบิ
ก็ยิ่งขับรสชาติของเนื้อวัวอาคิตะและตับห่านฝรั่งเศส
ออกมาได้อย่างเข้มข้นมายิ่งขึ้น เพราะตัวพื้นฐาน
ของซอสที่เป็นไวน์แดงนั้น เหมาะสมกับการดื่มและ
กินคู่กันกับเนื้อวัวและตับห่านอยู่แล้วครับ
แต่เสียดายนิดเดียวที่หากได้กลิ่นและรสวาซาบิ
เพิ่มขึ้นมาอีกนิด จะได้เพอร์เฟ็ค สมบูรณ์แบบ
ในการฟิวชั่นกันของเมนูนี้มาก ๆ เลยล่ะครับ
ผมให้ 9 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ครับ


แต่ 3 เมนูนี้ ยังไม่อิ่มเท่าไหร่ เลยลองสอบถาม
ทางห้องอาหารว่า มีเมนูอะไรใหม่และน่าสนใจอีกบ้าง
ก็ได้รับคำตอบมาว่าเป็น Signature Roll


อาหารญี่ปุ่น สไตล์โรลข้าวห่อเครื่องต่าง ๆ
แต่ทำมาในแนวฟิวชั่นครับ ดีเลยครับ
มีข้าวตามจะได้อยู่ท้อง เลยจัดมา 2 เมนู
กับ Thai Roll และ Siam@Siam Roll


Thai Roll (320 บาท++)
เป็นโรลที่ถูกห่อด้วยแซลมอนซาซิมิ
กับอโวคาโด้ ไส้ด้านในเป็นสาหร่ายและกุ้งเทมปุระ
ราดด้วยซอสฟิวชั่นรสเผ็ดหวานสีสันสวยงาม
พร้อมโรยเมล็ดพริก-ลูกผักชี เพิ่มความเผ็ดหอม
ให้มากยิ่งขึ้น กินแล้วสดชื่นเลยครับ


Siam@Siam Roll (320 บาท++)
เป็นโรลปลาไหลญี่ปุ่น(อูนางิ)ย่างซีอิ๊ว
กับอโวคาโด้และชีส ท็อปปิ้งด้วยไข่กุ้ง

ไส้ด้านในเป็นสาหร่ายพันกับปูอัด หน่อไม้ฝรั่ง
และซูกินี่(แตงกวาญี่ปุ่น) ราสด้วยซอสหวานสีน้ำตาล
สไตล์โชยุ คล้ายกับซอสปลาไหลย่างซีอิ๊วครับ
รสชาติอร่อยกลมกล่อมเลยทีเดียว อิ่มเลยครับ


โฮเต็ล กรุงเทพ มีกิจกรรมดี ๆ ให้ลุ้นตั๋วเครื่องบิน
ไปกลับ กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น จำนวน 1 รางวัล 2 ที่นั่ง
พร้อมบัตร JR East เพื่อใช้เดินทาง 1 สัปดาห์
สำหรับ 2 ท่าน เพียงสั่งเมนูเนื้ออาคิตะในรีวิวนี้
เมนูใดเมนูหนึ่ง ที่ The Roof Gastro
ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะได้รับ
คูปองเพื่อนำมาเขียนชื่อ-ที่อยู่ ส่งลุ้นรางวัลกันได้เลย



สำหรับรีวิวนี้ ก็ต้องขอขอบคุณ REVU.net
ที่ได้ให้โอกาสมาชิม เลยอยากให้ทุกคน รีบไปลิ้มลอง
รสชาติเนื้อญี่ปุ่นดี ๆ อีก 1 ชนิด กับเนื้ออาคิตะ วากิว
ดีกรีรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวดเนื้อวากิว
โอลิมปิค ปี 2012 ที่เข้ามาให้ชาวไทยได้ลิ้มชิมรส
ในเมืองไทยกันเป็นครั้งแรก ว่าจะมีรสชาติดีขนาดไหน
และเมื่อผ่านการปรุงจากทีม Chef Gilles Poitevin
แล้วจะเด็ดมากขึ้นขนาดไหน จะได้มาคุยและ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ




ห้องอาหาร The Roof Gastro
โรงแรมสยามแอ็ทสยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 - 23.00 น.
สนใจสำรองที่นั่ง ติดตามข่าวสารหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
e-mail : fbrsvn@siamatsiam.com
Tel : 0-2217-3000


ขอให้มีความสุขกับการละเลียดเนื้อชั้นดีในรีวิวนี้นะครับ

ท้ายนี้มีคลิปให้ดูแบบ Slide Show กันด้วยครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น