รีวิวนี้จะพาไปทำความรู้จักกับอาหารอร่อย ๆ
สไตล์เมดิเตอเรเนี่ยน-เอเชี่ยน
ในบรรยากาศสไตล์ถ้ำอิฐแต่สบายตาด้วยพื้นไม้
และต้นไม้ ให้ความคลาสสิค กับห้องอาหาร
Grotto Restaurant Champagne and Wine Bar
ห้องอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนี่ยน-เอเชี่ยน
แห่งใหม่ล่าสุดในย่านศรีนครินทร์
ตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมแกรนด์ โฟร์วิงส์ ศรีนครินทร์
Grand Fourwings Srinakarindra
โรงแรมแกรนด์ โฟร์วิงส์ ศรีนครินทร์
ตั้งอยู่ใกล้แยกกรุงเทพกรีฑา
หากเดินทางมาจากบางกะปิ ผ่านแยกลำสาลี
โรงแรมจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงแยกกรุงเทพกรีฑา
แต่ในทางกลับกัน ถ้ามาจากทางบางนา
ให้ข้ามแยกกรุงเทพกรีฑาแล้วกลับรถ
ที่กลับรถแรกเพราะโรงแรมอยู่ทางขวามือครับ
เมื่อถึงโรงแรมเดินผ่านล็อบบี้เพื่อลงไปยังชั้นใต้ดิน
ลงมาปุ๊ปก็จะเห็นบรรยากาศการตกแต่งห้องอาหาร
ที่มีสไตล์ตั้งแต่ป้ายห้องอาหารที่เป็นไฟวิ่งรอบ ๆ
โทนสีและของตกแต่งต่าง ๆ ที่หน้าห้องอาหาร
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องอาหาร
ทางด้านซ้ายมือจะเป็นทางไปห้องน้ำ
ถัดมาทางด้านซ้ายมือเช่นกัน
จะเป็น Wine Cellar ซึ่งมีไวน์กว่า
100 ตัว
และแชมเปญให้เลือกมากพอสมควรครับ
ถัดมาจะเป็นเคาท์เตอร์บาร์
ขนาดยาว พร้อมตู้โชว์เครื่องดื่มต่าง ๆ มากมาย
ทั้งเบียร์สด ค็อกเทล ซึ่งเหมาะสำหรับนั่งดื่มและคุย
กับเพื่อนหรือบาร์เทนเดอร์ได้อย่างออกรสชาติ
ส่วนด้านขวามือของห้องอาหารจะเป็นเวทีเล่นดนตรีสด
และก็เป็นส่วนของที่นั่งในรูปแบบต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นชุดโต๊ะแบบ 4 ที่นั่ง โต๊ะชุดใหญ่ 8 ที่นั่ง
มุมโซฟาริมผนัง และห้องส่วนตัวขนาดใหญ่
ให้ได้เลือกนั่งกิน ดื่ม คุย ฟังเพลงเพราะ ๆ
กันได้ตามความเหมาะสม
ซึ่งเก้าอื้ส่วนใหญ่บุด้วยหนังอย่างดี
ให้ความนุ่มสบายมาก ๆ
และยังมีโซนเอาท์ดอร์สำหรับคนที่สูบบุหรี่
ไว้บริการเช่นกัน พื้นที่โดยรวมทั้งหมด
ของห้องอาหารจัดว่ากว้างขวาง
และแบ่งโซนได้ไม่อึดอัดเลยครับ
โดยห้องอาหารจะเปิดให้บริการทุกวัน
เวลา 16:00-01:00 น. แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาดังนี้
16:00-18:00 น. ช่วง Refreshment
สามารถมาผ่อนคลายกับเมนูและเครื่องดื่มเบา ๆ
อย่าง Tapas ต่าง ๆ และพวกค็อกเทลเบา ๆ
เคล้าเสียงดนตรีได้ก่อนจะเริ่มมื้อค่ำ
18:00-22:00 น. ช่วง Dinner
ห้องอาหารจะมีเมนูพิเศษประจำวัน
และอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนี่ยน-เอเชี่ยน
ที่เป็นอาหารเด่นของห้องอาหาร พร้อมไวน์
แชมเปญ
และเครื่องดื่มอีกนานาชนิด
ไปพร้อมกับวงดนตรี Live Band
ในทุกค่ำคืนวันพฤหัสบดี-ศุกร์-เสาร์
22:00-01:00 น. ช่วง Night
เป็นช่วงที่สนุกและร้อนแรงที่สุดของห้องอาหาร
เมื่อดื่มกันได้ที่ก็สามารถ
ออกมาสนุกสุดเหวี่ยงไปกับดนตรี
และวงดนตรีสดกันได้อย่างสนุกสนาน
รู้จักห้องอาหารกันมาพอสมควรแล้ว
เรามารู้จักอาหารกันบ้างเลยดีกว่าครับ
เริ่มต้นจากเครื่องดื่มสีสันสดใสที่เป็น
Signature Cocktail ของห้องอาหาร
คือ The Grotto และ The Belini
ราคาแก้วละ 210
บาท
ค็อกเทลเลือกสีและรสชาติได้ 4 ชนิดดังนี้
พีช, กีวี่, สตอเบอร์รี่และมะม่วง
อร่อยและแอบแรงสาว ๆ น่าจะชอบกัน
สำหรับหนุ่ม ๆ เบียร์สดก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
โดยจะมีเบียร์สิงห์และคารลส์เบิร์ก
ให้ได้เลือก 2 ยี่ห้อครับ
ระหว่างที่ออเดอร์อาหารไปนั้น ทางห้องอาหารจะมี
ขนมปัง 4 ชนิดพร้อมดิปปิ้ง 3 แบบ คือ บัลซามิค,
ซัลซ่า และมายองเนสวาซาบิ
ซัลซ่า และมายองเนสวาซาบิ
เป็น complimentary ให้ครับ
รสชาติดีทั้ง 3 ซอส และขนมปัง
ก็มีเท็กซ์เจอร์แตกต่างกันแล้วแต่ชอบเลยครับ
นอกจากขนมปังที่เป็น complimentary แล้ว
ยังมีอาหารจานพิเศษจากเชฟ
ที่จะทำสลับสับเปลี่ยนไป
ในแต่ละวันเพิ่มให้เป็น complimentary อีก 1 จาน
วันที่ไปนั้น ได้เป็นปลาฮาลิบัทเนื้อขาว นุ่ม
นึ่งสุกกำลังดี มาพร้อมกับซอสบัตเตอร์
และซอสสะระแหน่
ตกแต่งสวยงามและอร่อยอีกด้วย
นี่ขนาดจาน complimentary นะยังเด็ดเลย
ถัดมากับจานเรียกน้ำย่อยกันบ้าง
กับ Scallop Carpaccio 400 บาท
เนื้อหอยเชลล์ดิบสไลด์บางกำลังดี
ราดซอสสไตล์น้ำยำแบบไทย-เอเชี่ยน
รสไม่เผ็ดจัดจ้านไป กลมกล่อมด้วยความเปรี้ยว
เผ็ดเรียกน้ำลายได้ดี
จานสลัด เป็น Smoked Salmon Salad 300 บาท
ใส่ยำสาหร่ายแบบญี่ปุ่นและเฟต้าชีสลงมาในผักสลัด
หลาย ๆ อย่างและเนื้อปลาแซลมอนรมควัน
จานนี้ให้รสชาติสดชื่น ใส ๆ ไปในแนวอาหารญี่ปุ่นครับ
ซุป เป็น Lobster Bisque 320 บาทง
ซุปเสิร์ฟมาแบบแห้ง ๆ โชว์เนื้อก้ามกุ้ง Lobster
และชีสก้อน ส่วนน้ำซุปเคี่ยวจากเปลือกกุ้ง Lobster นั้น
ใส่มาในกาแยกกันแบบเก๋ไก๋ ให้ได้สนุกกับการราดน้ำซุป
ลงบนชีสให้ละลลาย และเข้ากันกับเนื้อก้าม Lobster
รสชาติดีมาก
จานถัดมาหนักขึนเล็กน้อยกับ
Grilled Marinated Lamb 350 บาท
เนื้อแกะย่างนำมาหั่นเต๋าและคลุกเคล้ากับมะเขือเทศ
ผักสลัด ราดน้ำซอสคล้ายน้ำสลัดรสจัดจ้าน
ออกแนวเปรี้ยว เผ็ด สไตล์อาหารไทย
จานสลัดอีกจานที่อยากแนะนำ คือ
สลัดปูนิ่ม Soft Shell Crab Salad 280 บาท
ปูนิ่มทอดกรอบ นำมากินกับผักสลัด
ราดครีมซอสเข้มข้น มัน อร่อยเลย
เข้าสู่อาหารจานหลักกันครับ
Pan Seared Salmon 550 บาท
เนื้อปลาแซลมอนหั่นชิ้นแบบ Fillet เนื้อหนา ๆ
นำมาจี่บนกระทะให้สุกทั้ง 2 ด้าน
หนังกรอบแต่เนื้อด้านในยังกึ่งสุกกึ่งดิบให้ความหวาน
และนุ่ม ฉุ่มฉ่ำ ของเนื้อปลาแซลมอน
เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสหอยตลับและแฮม
ผัดมะเขือเทศและถั่วลันเตารสชาติเบา ๆ แต่เข้ากันได้ดี
Pan Seared Duck Breast 450 บาท
อกเป็ดทอดกับซอสส้ม อกเป็นเนื้อหนานุ่ม
ทอดมากำลังดี รองด้วยมันบดด้านล่าง
ราดด้วยซอสส้มและผลชิ้นส้มระหว่างเนื้อเป็ด
เคี้ยวเพลินกับความนุ่มของเนื้อเป็ด
และหนึบของหนังเป็ดเข้ากันดีมากกับซอสส้ม สดชื่นครับ
Foiegras with Risotto 395 บาท
ตับห่านกริลล์กับกระทะให้สุกกรอบด้านนอก
และฉุ่มฉ่ำไขมันด้านในรองด้วยเนื้อเป็ดรมควันสไลด์บาง
ส่วนฐานล่างเป็นรีซ็อตโต้ ข้าวผัดสไตล์เมดิเตอเรเนี่ยน
รสชาติยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยครับจานนี้
จนต้องรีบจัดไวน์แดงมาเคียงข้างกันเลยทีเดียว
จานทะเลกันบ้างครับ กับ
Canadian Lobster Spaghetti 1,200 บาท
กุ้ง Lobster จากแคนนาดา ย่างไฟมาให้สุกกำลังดี
เนื้อกุ้งหอมกรอบเด้ง เสิร์ฟมาพร้อมกับเส้นสปาเก็ตตี้
ผัดน้ำมันมะกอก กระเทียม
เส้นสปาเก็ตตี้
เป็นเส้นขนาดเล็ก เมื่อขดเส้นกินพร้อมกับ
เนื้อกุ้ง Lobster ยิ่งเข้ากันมาก
ๆ
รสชาติทะเลกระจายหอมหวนเต็มคำ
เข้ากันกับไวน์ขาวมาก ๆ ครับ
ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง
Cream Brulee 200 บาท
การจัดจานสวยงามมาก มาเป็น portion
ขนาดใหญ่พอสมควรเหมาะกับ 2-3 คนกิน
รสชาติอร่อยสมราคาเลยครับ
Mango Pudding with Chocolate 200 บาท
ตัวเนื้อขนมที่เป็นพุดดิ้งมะม่วงนั้น
เซ็ตตัวแข็งเกินไปหน่อย ขาดความนุ่ม
เด้งดึ๋งสไตล์พุดดิ้งไปนิด แต่รสชาติมะม่วง
หอมอร่อย หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ ปิดมื้อได้ดีเลยครับ
โดยอาหารในมื้อนี้ทั้งหมดมาจาก
ฝีมือเชฟนำชัย หัวหน้าเชฟห้องอาหาร
Grotto Champagne and Wine Bar
ท่านนี้เองครับ
ที่เป็นผู้กุมความอร่อย
ในสไตล์เมดิเตอร์เรเนี่ยน-เอเชี่ยน
หากอยากลิ้มลองรสชาติฝีมือเชฟ
พร้อมกับบรรยากาศสวยงาม
กับประสบการณ์อาหารเมดิเตอร์เรเนี่ยน-เอเชี่ยน
ดั่งสโลแกนของห้องอาหารที่ว่า
Everything we know is everything you taste
ก็สามารถมาได้ทุกวันเลยนะครับ
สนใจสำรองโต๊ะและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 02 378 8000
ขอให้มีความสุขกับการกินอาหารเมดิเตอร์เรเนี่ยน-เอเชี่ยน
พร้อมเครื่องดื่มเลิศ ๆ กันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น