พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

Bubbly Sunday Brunch @ Espresso



@*~Like a Heaven Brunch on Earth~*@


คำโปรยด้านบนดังกล่าว จะว่าไปแล้ว
ก็ไม่ได้เกินเลยไปเลยครับ
หลังจากที่ผมกลับมาเยือนห้องอาหาร Espresso
ณ Intercontinental Hotel Bangkok แห่งนี้อีกครั้ง
ในมื้อ Sunday Brunch ภายใต้คอนเซ็ปต์ 
"Bubbly Brunch"
ที่จัดว่าเป็นอีก 1 ในบุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์
ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะจะมีอาหาร
ที่ควบคุมการรรังสรรค์รายการอาหารต่าง ๆ
กว่า 100 ชนิดและ 7 station แบบสดใหม่
โดย เชฟเลสลี่ สโตรนาช 
หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ชาวสก็อตแลนด์
ที่ดูแลห้องอาหารทุกห้องในโรงแรม
อินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งนี้
รวมถึงทีมเชฟกอ เอง ยิว จากห้องอาหารจีน
ซัมเมอร์พาเลซ, เชฟคริส บุสเชิร์ท
หัวหน้าพ่อครัวขนมอบชาวเบลเยี่ยม และทีมเชฟ

ซึ่ง Bubbly Brunch นั้นจะมีความหมายว่าอย่างไร 
และมีอะไรเป็นไฮไลท์นั้นติดตามกันต่อได้เลยครับ

ห้องอาหารเอสเพรสโซ่ ตั้งอยู่บนชั้น M
ของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
ด้านหน้าทางเข้าห้องอาหาร
จะมีโต๊ะต้อนรับตั้งอยู่พร้อมโชว์รางวัลครับ


ซึ่งห้องอาหาร Espresso แห่งนี้ ก็ได้รับรางวัล
จากหลายสถาบันและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ครับ




เวลาทำการของห้องอาหารในรูปแบบบุฟเฟ่ต์
มื้อเช้า 06:00-10:30 น.
มื้อกลางวัน 12:00-14:30 น.
มื้อค่ำ 18:00-22:30 น.
สำหรับ Sunday Brunch 12:00-15:00 น.
ในส่วน A la carte ตามสั่งนั้นได้ทั้งวัน
ตั้งแต่เวลา 06:00-23:00 น.ครับ


และในมื้อสายวันอาทิตย์นี้นั้น จะมีราคาดังนี้
ผู้ใหญ่ ราคา 1,999++ บาท
เด็ก 6-12 ปี ราคา 999++ บาท
เด็กต่ำกว่า 6 ปี ทานฟรี
โดยราคานี้จะรวมน้ำดื่ม น้ำแร่ น้ำอัดลม
น้ำผลไม้ ชาและกาแฟไว้ให้แล้วครับ

ซึ่ง Bubbly Brunch จะมีแพ็คเกจระดับพรีเมียม
มาเพิ่มเอาใจคอนักดื่ม ด้วยแพ็คเกจแชมเปญ
สปาร์คกลิ้งไวน์ที่เติมไม่อั้นในราคาดังต่อไปนี้
แพ็คเกจ Louis Roederer Premier เพิ่ม 3,800++ บาท
จะได้ดื่มแชมเปญระดับพรีเมี่ยมแบรนด์นี้และแบรนด์อื่น ๆ
รวมถึงแอลกอฮอล์และค็อกเทลได้ทุกชนิด
แพ็คเกจ Chandon เพิ่ม 1,499++ บาท
จะได้ดื่มแชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์แบรนด์ Chandon

แพ็คเกจ Prosecco เพิ่ม 1,299++ บาท
จะได้ดื่มแชมเปญ สปาร์คกลิ้งไวน์แบรนด์ Prosecco
รายละเอียดเบื้องต้นครบถ้วนแล้ว
เรามาเริ่มชมบรรยากาศห้องอาหาร
ไลน์อาหารและอาหารที่ผมไปทานกันดีกว่าครับ
ภาพมุมกว้าง ๆ แบบพาโนรามาของห้องอาหาร
(คลิ๊กเพื่อชมภาพขนาดใหญ่ได้ครับ)


ก้าวเข้ามาในห้องอาหารก็จะเจอไลน์อาหารเลยครับ
เริ่มต้นกันที่ขนมปังและชีสต่าง ๆ


มุมสลัดบาร์ ผักสดนานาและน้ำสลัด
หลายแบบรอให้ชิม




แล้วก็จะเป็นตู้ Cold Cut หลากหลายเมนู




ถัดมาเป็นไลน์ซีฟู๊ดออนไอซ์ ที่สดใหม่สุด ๆ
ซึ่งมี หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, กุ้งแม่น้ำ, กั้งกระดาน,
ขา/ก้ามปูอลาสก้า และกุ้งลายเสือ ที่รอให้ตักไปทาน
รวมถึงไลน์อาหารสำเร็จที่ทำจากอาหารทะเล






หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์


กุ้งแม่น้ำ


กั้งกระดาน


ขา/ก้ามปูอลาสก้า


กุ้งลายเสือ


ถัดจากซีฟู๊ดออนไอซ์ ก็จะเป็นไลน์อาหารญี่ปุ่น
ซึ่งมีทั้ง ซาซิมิ ซูชิ โรล มากิ ต่าง ๆ ให้ได้เลือก
หรือให้เชฟทำใหม่ ๆ ก็ย่อมได้ครับ


วัตถุดิบหลัก สด ใหม่ และน่าทาน
อาทิ ฮามาจิ แซลมอน และทูน่า(มากุโร่)


หนวดปลาหมึกยักษ์ ข้าวปั้นหน้าปลามากุโร่
ข้าวห่อสาหร่ายไส้ต่าง ๆ


ข้าวปั้นหน้าปลาแซลมอน ข้าวปั้นหน้าปลาซาบะดอง
แคลิฟอร์เนียมากิ


ถัดจากไลน์อาหารญี่ปุ่น
ก็จะเป็นสเตชั่นพิเศษ ซึ่งเป็น 1 ในไฮไลท์ของมื้อ
ซันเดย์บรั้นซ์นี้เลยล่ะครับ คือกุ้งเมนลอบสเตอร์
จากสหรัฐอเมริกา ผ่านการต้มมาอย่างดี
และพิถีพิถัน จัดมาเป็นเมนูพิเศษให้กับท่านที่มาทาน
แต่เมนูนี้จะได้จำนวนจำกัดนะครับ 2 คน / 1 ตัว
(หรือคนละครึ่งตัวนั่นเองครับ)



เนื้อกุ้งใสกุ้ง เปลือกแดงดูน่าทานจริง ๆ
ก้ามก็ใหญ่คล้ายปูทะเลครับ
(เซบาสเตียนในเรื่องเงือกน้อยแอเรียลรึเปล่านี่)


ต่อกันที่อาหารไลน์ปรุงสำเร็จ
จะมีกุ้งลายเสือนึ่ง


ผัดบร็อคโคลี่ใส่กระเพาปลาและเห็ดหอม



ปลาหมึกนึ่งมะนาวแซ่บ ๆ


ข้าวผัดปู ดูร่วนน่าทาน


ปลาหิมะ เมนูนี้เด็ดมาก ๆ อีกไฮไลท์ประจำวัน


รวมทะเลอบน่าทาน


เติมผักเพื่อสุขภาพกันสักนิด


สตูว์เนื้อ


เนื้อแกะอบ


ตามด้วยสเตชั่นพาสต้า


โชว์ลีลาด้วยฝีมือเชฟไทย และต่างชาติ


ไลน์ฟัวกราส์ ชั้นยอด ชิ้นใหญ่ หนาสุด ๆ


เชฟชาวต่างชาติจะเป็นคนลงมือ
ปรุงฟัวกราส์ให้ครับ


ด้วยการโรยพริกไทยและเกลือเล็กน้อย


พลิกไปมา สุกได้ที่สีสวยกำลังน่าทานมาก


ถัดมาเป็น Carving Station ซึ่งเป็นอีก
1 ไฮไลท์ของวันนี้เช่นกันครับ


จะมีเนื้อวากิวส่วนไพร์มริบอบ


ซี่โครงแกะอบ


และเนื้อวากิวอบ 24 ชั่วโมง
เป็นการปรุงอาหารแบบซูวี (Sous Vide)
ออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
เสียดายที่เป็นเนื้อส่วนสันในไม่ติดมัน
ไม่งั้นก้อนนี้โดนงับหมดแน่ ๆ 555



ถัดมาเป็นมุมหอยนางรมสดครับ


หอยต่างประเทศ ไม่อวบอูมเหมือนหอยไทย
แต่ได้ความหวานไปเต็ม ๆ



ณ จุดเดียวกัน มีไข่ปลาให้เลือกทานอีกหลายชนิด
ไว้ทานกับเครื่องเคราต่าง ๆ และแผ่นแป้งแพนเค้ก
ไม่ว่าจะเป็น ไข่ปลาคาเวียร์เฮอร์ริ่ง 2 สี
เม็ดไข่เล็ก ๆ



ไข่ปลาแซลมอน


และไข่ปลาคาเวียร์สเตอร์เจี้ยน
เม็ดไข่จะใหญ่กว่าอีกเท่านึงของเฮอร์ริ่งครับ


ตามด้วย Station Soup ที่มีให้เลือก 2 ชนิด
เป็นซุปกุ้งมังกรและซุปกระเพาะปลา



แล้วถัดมาก็เป็น ก๋วยเตี๋ยว ปิ้งย่าง/เทปัน
และอาหารจีน


ส่วนของ ปิ้งย่าง/เทปัน (Grilled/Tepanyaki)
นั้นก็น่าสนใจ ทั้งตัวเนื้อวากิว ซี่โครงแกะ
รวมไปถึงกุ้งลายเสือตัวใหญ่ ๆ ครับ




ในส่วนของอาหารจีนนั้น มีทั้งผัด
ติ่มซำ เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ
ไก่ต้ม มากันครบครับ





มาดูเครื่องดื่มกันบ้างครับ ในส่วนนี้
เป็นส่วนที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ที่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายครับ ซึ่งมี 3 สเต็ปด้วยกัน
ซึ่งเป็นอีกไฮไลท์ของวันนี้อย่างแท้จริง
ตามชื่อหัวเรื่องเลยครับ ฟองฟู่ ๆ มาเต็ม ๆ


สเต็ปอลังการสุด เพิ่ม 3,800++ บาท
แล้วจะได้ดื่มด่ำกับแชมเปญชั้นยอด
แบรนด์ Louis Roederer Premier
รวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่เป็นแอลกอฮอล์
อีกอย่างเต็มที่และทุกชนิดเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็นแชมเปญ ไวน์ วิสกี้ และค็อกเทล

รองลงมา เพิ่ม 1,499++ บาท
จะได้เครื่องดื่มแชมเปญแบรนด์ Chandon

และสุดท้าย เพิ่ม 1,299++ บาท
จะได้เครื่องดื่มแชมเปญแบรนด์ Prosecco






ถัดมาเป็นส่วนของน้ำผลไม้สด ๆ ครับ
ซึ่งรวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ราคาปกติแล้วครับ


ถัดมา..ไลน์เยอะมาก ๆ
กับไลน์ของหวานทั้งไทยและเทศ


ทั้งข้าวเหนียวมูน 2 สี กับมะม่วงสุกน่าทาน


ผลไม้และขนมไทยต่าง ๆ



ไอศกรีมน่าอร่อยสุด ๆ


ขนมขบเคี้ยว


ขนมฝรั่งทั้งหลายเรียงรายเต็มไปหมด












เดินชมไลน์กันหอมปากหอมคอ
จนน้ำลายเริ่มไหล น้ำย่อยเริ่มทำงานแล้ว
ก็เตรียมพร้อมที่จะเริ่มบรรเลง
ความอร่อยกันแล้วหรือยังครับ !!!
และระหว่างทาน จะได้ฟังดนตรีแจ๊ส
สด ๆ เคล้าคลอมื้ออาหารชั้นเลิศนี้ไปพร้อมกันอีกด้วย


อุปกรณ์บนโต๊ะพร้อม
แต่ละโต๊ะจะมีป้ายเลขโต๊ะเพื่อไปยื่น
ตาม station ต่าง ๆ ครับ แล้วพนักงาน
จะนำมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะครับ


เริ่มต้นกันที่ซาซิมิกันก่อนเลยครับ
ปลาสด ๆ เนื้อหวาน อร่อย ไม่คาวแม้แต่น้อย
ขนาดชิ้นกำลังพอดีคำครับ ทั้งแซลมอน
ฮามาจิ มากุโร่ รวมถึงไข่ปลาแซลมอน


โดยเฉพาะแซลมอนส่วนท้องมันกระจาย


ส่วนเนื้อก็เท็กซ์เจอร์สวย ๆ น่าทานมาก


ฮามาจิก็สดใสหอมหวาน


มากุโร่ส่วนอากามิ ก็สดอร่อยไม่เปรี้ยวเลย


ไข่ปลาแซลมอนเป็นแบบเค็ม
เหมาะกับทานกับพวกแครกเกอร์ แพนเค้ก
กับเครื่องต่าง ๆ ครับ
ไม่ใช่แนวดองโชยุของญี่ปุ่น
แต่เอามาทานแบบญี่ปุ่นก็แล้วกันครับ


ผนึกกำลังเสริมรสชาติให้กันและกัน
เนื้อปลากับไข่ปลาแซลมอนรวมร่างกัน


มากุโร่แตะโชยุวาซาบิเล็กน้อย


แอบทานไข่ปลาเพียว ๆ ไปไม่น้อยเหมือนกัน 555


ปลาฮามาจิส่วนติดท้องนี่ขาวน่าทาน
มันมาก ๆ อร่อยเลย


ลองชิมซุปกุ้งมังกรสักนิด
ตัวนี้เข้มข้น แต่รสติดขมปลาย
อาจจะเป็นเอกลักษณ์ของซุปกุ้งมังกรครับ


ต่อด้วยอาหารจีนนานาชนิดสัตว์ปีกและหมู


โคลด์คัทแบบเย็น ๆ ตักคละ ๆ กันมาลองชิม


จิบน้ำเปล่าที่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ก่อนไปบรรเลงกันต่อ
(ด้านหลังแก้วน้ำที่เห็นเป็นผ้าเย็นเช็ดมือ กลิ่นหอมมาก)


ต่อกันที่อาหารทะเล
(ซึ่งผมเสียดายสุด ๆ ลืมทานซีฟู๊ดออนไอซ์)
เริ่มทานหอยนางรม ปรุงแบบไทยใส่น้ำจิ้มซีฟู๊ด
และแบบเทศแค่เลมอน



ตามด้วยคาเวียร์ชนิดต่าง ๆ พร้อมเครื่อง
เช่น ไข่แดง ไข่ขาว หอมแดงดอง
ทานพร้อมกับแป้งแพนเค้ก





ปลาหิมะซอสไวน์ขาว อร่อยมากมายครับ



จัดแกล้มกับเครื่องดื่มเป็นแชมเปญ
แบรนด์ Prosecco
เข้ากัน ฟินกันสุด ๆ ไปเลย



ต่อด้วยกุ้งมังกรเมนลอบสเตอร์
ไฮไลท์ของวันนี้เลยครับ





จับคู่กับแชมเปญชั้นยอดแบรนด์
Louis Roederer Premier Brut
เหมาะสมกับ ซันเดย์บรั้นช์ฟองฟู่ ๆ ของวันนี้เลย


เนื้อกุ้งหวาน กรอบ สุกกำลังดีพอเหมาะ
จะจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสชาติดีหรือทานเปล่า ๆ
ก็อร่อยได้หลายรูปแบบตามใจชอบ




ตามด้วยไฮไลท์อีก 1 เมนู ก็คือ
เนื้อวากิวอบ 24 ชั่วโมง (ซูวี)



ราดซอสไวน์แดงรสชาติเข้มข้น
เพื่อเสริมกระชับรสชาติของเนื้อวากิว
ที่แสนจะน่าทาน


จับคู่กับไวน์แดงชั้นดี
ทานพร้อมยอร์คเชียร์พุดดิ้ง



ต่อกันที่เนื้อวากิวส่วนไพร์มริบอบ
และซี่โครงแกะอบพร้อมมิ้นท์ซอส


เนื้อวากิวไพร์มริบ ติดมันแบบนี้
สีแดงสุกระดับนี้ เป็นที่โปรดปรานของผมเลยครับ


ซี่โครงแกะก็ทำได้ดีมาก ๆ เช่นกัน
หอมกลิ่นเนื้อแกะที่เป็นเอกลักษณ์
พร้อมเครื่องเทศ สุด ๆ เลย





เบิ้ลเนื้อวากิวอบ 24 ชม.อีกสักหน่อย


ความนุ่มของเนื้อครับ ตัดขาดด้วยส้อม
ได้โดยง่ายดายเลย


ต่อกันที่จานเทปัน ปิ้งย่าง
กุ้งลายเสือ เนื้อวากิว และซี่โครงแกะ


ย่างมาได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับซี่โครงแกะ
แตะมิ้นท์ซอสช่างแสนอร่อย


กุ้งลายเสือก็แกะออกจากเปลือกได้อย่างง่าย ๆ


ผมลองเอาเนื้อวากิวไพร์มริบ
มาทานกับยอร์คเชียร์พุดดิ้ง
แต่ลองแล้วขอทานเนื้อเพียว ๆ ดีกว่าครับ


ถัดมาต่อกันที่พระเอกของผมตลอดการ
ฟัวกราส์ (ขออภัยท่านที่ไม่ทานด้วยนะครับ)


ความใหญ่โต หนา ของชิ้นนั้นสุดยอด
เป็น 1 ในห้องอาหารที่ฟัวกราส์ที่ดีทีสุด
อีกแห่งจริง ๆ ครับ


ระดับความสุกทำได้ดีมาก ๆ
ผิวนอกเกรียมนิด ๆ กำลังสวย




ตัดดูด้านใน ครีมมีแบบที่ผมชอบมาก ๆ เลย


ต่อกันอีกเรื่อย ๆ เลยครับกับฟัวกราส์



เริ่มอิ่มแล้ว ปิดท้ายของคาวด้วยปลาดิบ
ซาซิมิแซลมอนส่วนท้องกับฮามาจิอีกสักจานครับ


แล้วก็มาบรรเลงของหวานกันต่อ
ด้วยไอศกรีม 4 รสชาติ(วนตามเข็มนาฬิกา)
- วนิลา แต่ได้กลิ่นวนิลาน้อยไปนิดได้กลิ่นนม
- ชาไทย หอมชาไม่หวานไม่ขม
- สตอเบอร์รี่ซอร์เบต์
เนื้อไอศกรีมเพียวไม่ใส่นมเปรี้ยวกำลังอร่อย
- ช็อคโกแล็ต แบบดาร์คช็อคเข้มข้น
แต่ไม่หวาน กำลังกลมกล่อมาก อร่อยมากครับ


ตามด้วยข้าวเหนียวมะม่วง ก็อยู่ในระดับดีครับ


และขนมฝรั่ง ขนมเค้กอีกสัก 3-4 อย่าง
เช่น เบรดพุดดิ้ง, คัสตาร์ด, เลมอนมูสและทีรามิสุ
ที่ลองตักมาทานนั้น ทุกอย่างล้วนแต่อร่อยลืมอิ่มครับ





แต่ก็ต้องอิ่มครับ เดี๋ยวจะพุงแตกซะก่อน
ขอปิดท้ายมื้อด้วยกาแฟร้อนตามชื่อห้องอาหาร
เอสเพรสโซ่ - หอม กลมกล่อมสมกับห้องอาหารครับ



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมสำรองที่นั่งได้ที่
โทร 0-2656-0444 ต่อ 6430 หรือ
http://www.icbangkok.com/
หรือดูตามภาพนามบัตรได้เลยครับ

ขอให้อิ่มอร่อยมีความสุขกับมื้อสุดพิเศษ
อลังการงานสร้างนี้นะครับ ^^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น