พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

Huntsman Pub @ Landmark Bangkok


"รางวัลชนะเลิศห้องอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ
ปี 2013 และ 2014 ในสาขาผับ"

เห็นคำโปรยเป็นตำแหน่งชนะเลิศขนาดนี้แล้วนั้น
ก็เลยพลาดไม่ได้ที่จะมาทำรีวิวกันสักครั้งกับ
Huntsman Pub ณ ชั้นใต้ดินโรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ
 


 Huntsman Pub เป็น Pub & Restaurant
ที่ให้บรรยากาศสไตล์ British Pub ครับ
ใครที่ชื่นชอบดื่มและทานอาหาร portion ใหญ่ ๆ
กินกันจุใจ ไม่ผิดหวังที่จะมาห้องอาหาร Huntsman Pub ครับ
รวมถึงวงดนตรีสดที่มีทั้งวงคนไทยและต่างชาติ
สลับสับเปลี่ยนกันให้ความบันเทิง ไพเราะ สนุกสนาน
ตลอดทั้งคืน ทำให้ลืมความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานได้อย่างดี

ว่าแล้วเราก็ไปชมบรรยากาศร้านกันเลยครับ
ห้องอาหาร Huntsman Pub นั้นได้รับรางวัล
ห้องอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร
หมวดหมู่ผับ 2 ปีซ้อนกันเลยทีเดียว
การันตีแบบนี้ที่หน้าร้าน ก็ต้องเข้าไปโดนกันแล้วล่ะครับ


หน้าห้องอาหารมีป้ายชื่อห้องอาหารและโปรโมชั่น
ต่าง ๆ สามารถเดินเข้าไปอ่านได้ ถ้าถูกใจล่ะก็
ก็เดินเข้าไปในห้องอาหารเลยครับ
หรือว่าจะแวะเล่นพูลสักเกมส์ 2 เกมส์
ออกกำลังกายกันก่อนก็ไม่เลวครับ
ภายในร้านประดับด้วยโคมไฟ และดาวน์ไลท์
ไม่มืดและไม่สว่างจนเกินไป (ถ่ายรูปยากนิดนึง)
ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาใช้บริการก็จะเป็นชาวต่างชาติ
ที่พักอยู่ในโรงแรมและอยู่แถวละแวกนานาครับ


เคาท์เตอร์บาร์จะอยู่กลางห้องอาหาร
ทำให้สามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มได้ทุกทิศทางครับ


โปรโมชั่นหน้าสนใจครับ


แวะมาดูหน้าร้านอีกทีก็ได้นะครับ
แล้วก็มีภาพเมนูบางส่วนมาให้ดูกัน
สำหรับเครื่องดื่มกว่า 100 ชนิด


ระหว่างที่ดูเมนูก็ฟังดนตรีขับกล่อม
จากนักร้องเสียงดีและนักดนตรีฝีมือเยี่ยม
ที่ผลัดสลับกันมาให้ความสุขครับ



หลังจากชมบรรยากาศทั่ว ๆ ไปพร้อมสั่งรายการไปแล้ว
เครื่องดื่มก็ทยอยมาเสิร์ฟครับ ซึ่งราคาส่วนใหญ่
ป้วนเปี้ยนอยู่ระดับ 300฿-320฿

เรียงจากมุมซ้ายไล่ลงมาด้านล่างนะครับ
1. Fruit Punch 170฿ 2. Virgin Margarita 300฿
3. Mojito 300฿ 4. Knock Out 300฿ แก้วนี้ของผมเอง
ว็อดก้าผสมกับเหล้าหวาน แรงแต่ไม่ร้อนครับ
5. Watermint Cooler 300฿ 6. Cosmopolitant 300฿
7. Kamikaze 300฿
7 แก้วนี้ ผมชิมเฉพาะของผมแก้วกลาง
ที่ผมรีเควสทางห้องอาหารไปว่าขอตัวที่แรงที่สุดครับ
นอกนั้นของเพื่อน ๆ ผมไม่ได้ลอง เพราะจริง ๆ แล้ว
ตัวผมไม่ถนัดดื่มค็อกเทลครับ แฮ่ ๆ


มาผับสไตล์ British แบบนี้ ผมมักจะชอบดื่ม
เบียร์สดมากกว่าครับ ซึ่งทางห้องอาหาร Huntsman Pub นั้น
มีเบียร์สดหัวนอกให้เลือกอยู่ 3 แบรนด์ครับ
คือ Guinness, Hoegaarden และ KilKenny ครับ
ซึ่งส่วนตัวชอบ Guinness ที่สุดอยู่แล้วเพราะว่าชอบดื่มเบียร์ดำ
สำหรับ Hoegaarden นั้นก็ดื่มง่ายลื่น ๆ เพื่อน ๆ น่าจะคุ้นเคย
เพราะเป็นอีกยี่ห้อที่ฮิตกันมากครับ ส่วน KilKenny นั้น
ก็อร่อยใช้ได้ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าลองครับ

ราคาเบียร์หัวนอกนั้น แก้วใหญ่ 330฿ แก้วเล็ก 220฿
แนะนำให้มาช่วง 15.00-21.00 น. เป็น Happy Hour
ราคาจะลดพิเศษ แก้วใหญ่ 220฿ และแก้วเล็ก 170฿ ครับ

ส่วนเบียร์ไทยก็มีทั้ง Heineken, สิงห์ เป็นต้นครับ
เบียร์ไทยใน Happy Hour จะได้โปร 1 แถม 1 ครับ




นอกจากค็อกเทลกับเบียร์แล้วที่ห้องอาหาร
ก็ยังมีไวน์ไว้บริการอีกด้วยนะครับ

ของว่างที่ทางห้องอาหารจัดเสิร์ฟให้เพื่อกันเมา
ขนมปังกับเนยและถั่วทอดครับ


อาหารที่จะนำเสนอต่อไปนี้นั้น จัดได้ว่า
เป็นไฮไลท์และเป็นอาหารแนะนำของห้องอาหารเลยครับ
โดยที่จานแรกของอาหารที่มาเป็น Huntsman Pub Caesar Salad
ผัดสลัดสดกรอบ ราดสลัดน้ำใสใส่เบคอนกรอบ ชีส และนาโช่
เข้ากัน เรียกน้ำย่อยได้อย่างดี


พวกเฟรนซ์ฟรายก็กรอบอร่อย โคลด์สลอว์ก็ใช้ได้
พวกนี้จะมากับจานอาหารหลักที่เราสั่งครับ


ซึ่งก็ประกอบด้วยเมนูต่อมาดังนี้ครับ
Beef Guinness เป็นเนื้อแก้มวัวหมักกับเบียร์ดำ
Guinness แล้วทำการปรุงแบบ Slow Cook ลักษณะ
คล้ายการทำ Stew เนื้อครับ เนื้อแก้มวัวที่ได้จะนุ่มนิ่ม
มีเอ็นแทรกที่ละมุมเวลายามขบบดเนื้อ พร้อมกับซอส
ที่ราดมาอย่างชุ่มฉ่ำ ทานพร้อมกับมันบดเนียน ๆ และแครอท
ต้มจนนิ่มเข้ากันได้อย่างดีครับ

ทานแล้วยิ่งดื่มเบียร์ Guinness ตามก็ยิ่งเอร็ดอร่อยครับ


ถัดมา BBQ Pork Spare Ribs
ซี่โครงหมูย่างซอสบาร์บีคิว ตัวซี่โครงทำเนื้อได้นุ่ม
และร่อนออกจากกระดูกได้อย่าง่ายดาย
เป็นอีกเมนูที่ทำได้ไม่ง่ายที่จะได้ลักษณะ
และสัมผัสของซี่โครงหมูแบบนี้ ซอสบาร์บีคิวก็เข้มข้น
สมกับเป็นสไตล์อังกฤษแท้ ๆ เลยล่ะครับ



เก็บภาพหมู่สักนิดนึง เห็นแล้วก็น่าจะกลับไปซ้ำ
อีกในเร็ววันนี้ครับ


ก้นแก้ว Knock Out จะมีเชอร์รี่แช่อิ่มไว้ปิดท้ายครับ


แต่ตอนนี้ฟินกับการทานแก้มวัวกับเบียร์ดำต่อ



ถัดมาเป็นของทอดประจำร้าน Fish & Chips
เนื้อปลาค็อดชิ้นหนา ใหญ่ ทอดได้กรอบนอกนุ่มใน
แตะด้วยทาทาร์ซอสเข้ากันอย่างลงตัวเป็นที่สุดครับ


ต่อกันด้วย Hoegaarden ลื่น ๆ ฟองละมุน




จานถัดมาเป็น Shepherd's pie
พายซึ่งด้านบนเป็นท็อปปิ้งมันบดเนื้อเนียน
ตรงกลางเป็นชีสมอสซาเรร่าหอมมัน
ด้านล่างเป็นไส้เนื้อแกะผัดกับเครื่องปรุงต่าง ๆ
แล้วนำไปอบออกมาได้ความอร่อยที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ครับ


ของคาวผ่านไปแล้ว ต่อกันด้วยของหวาน
จานนี้คือ Apple Crumble ทานพร้อมกับซอส
และไอศกรีมวนิลา ตัวทาร์ตแอปเปิ้ลนั้นใช้เนื้อแอปเปิ้ลเขียว
ได้รสเปรี้ยวนำ ทำให้เข้ากันกับไอศกรีมและซอสวนิลา
ได้อย่างไม่คาดคิดเหมือนกันครับ


อีกเมนูสำหรับของหวานคือ
Bread and Butter Pudding หรือขนมปังอบกับซอสคัสตาร์ด
ที่เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมวนิลา เนื้อขนมปังหนานุ่ม
หอมกลิ่นเนยและวนิลา ทานพร้อมกับไอศกรีมวนิลาเย็น ๆ
ก็อร่อยมาก ๆ เลยครับ


รวม ๆ กับความประทับใจก่อนปิดท้ายด้วยบทสุรป
สำหรับห้องอาหาร Huntsman Pub ที่ทำให้ได้
ทั้งอรรถรสทางรสชาติ กลิ่น สัมผัส เสียงที่ผ่อนคลาย
ด้วยบรรยากาศร้านที่เป็นกันเอง นั่งสบาย พูดคุยแลกเปลี่ยน
กับเพื่อน ๆ ได้อย่างสนุกสนาน พร้อมเพลินกับการ
ฟังเสียงเพลง เสียงดนตรีสดที่ขับกล่อมเข้ากับบรรยากาศ
ของผับสไตล์อังกฤษขนานแท้
ทำให้ยามค่ำคืนในวันที่ทำงานหนัก ๆ ผ่านพ้นไป
อย่างมีความสุขอีกคืนหนึ่งครับ

ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทาง openricethailand
opensnap และห้องอาหาร Huntsman Pub
ที่ได้เชิญผมมาเป็น 1 ใน openricer
ที่ได้รับโอกาสดี ๆ แบบนี้ ใน openriceparty
ครั้งที่ 33 นี้ด้วยครับ
เลยได้กลับมาทำรีวิวดี ๆ อีก 1 รีวิวให้เพื่อน ๆ ได้รับชมกัน


และขอขอบคุณคุณวินิต กิจไชยา
Food & Beverage Director
The Landmark Bangkok
เป็นพิเศษสำหรับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นในครั้งนี้ด้วยครับ



Huntsman Pub
เวลาเปิด-ปิด
ทุกวัน 11.30 a.m. – 02.00 a.m.
Sunday Roast 11.30 a.m. – 04.00 p.m.
จำนวนที่นั่ง : 180
สนใจติดต่อสอบถามและจองที่นั่งได้ที่
Tel : 0-2254-0404 ต่อ 4045
http://www.landmarkbangkok.com/huntsman-pub
http://www.facebook.com/TheLandmarkBangkok
E-mail : fb@landmarkbangkok.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น