พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Medinii : Golden Wednesday

"Best Pasta and Pizza in Town : Great Italian food and Good City View"
 

คำโปรยรีวิวนี้ใช้ภาษาอังกฤษซะหน่อยนะครับ 
ให้เหมาะกับอาหาร/เครื่องดื่ม และบรรยากาศที่ได้ไปสัมผัสมาครับ 
กับห้องอาหารอิตาเลี่ยนเมดินี่ "Medinii"


ห้องอาหารเมดินี่ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 35 ของโรงแรม เดอะ คอนทิเน้นท์ กรุงเทพฯ
"The Continent Hotel Bangkok" วิวเมืองงดงามยามเย็นและค่ำคืน
ริมถนนสุขุมวิทใจกลางเมือง ปากซอยสุขุมวิท 23 (ใกล้แยกอโศก) 
เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอโศก
แล้วเดินข้ามแยกอโศกย้อนกลับมานิดเดียวครับ
หรือจะขึ้นแท็กซี่มาเพื่อความสะดวกสบายก็ดีครับ
ไม่แนะนำให้ขับรถมานอกจากจะมาพักค้างคืนที่โรงแรมนะครับ 



โดยค่ำคืนที่ผมไปรีวิวนั้น เป็นคืนวันพุธ ที่ทางโรงแรมและห้องอาหารเมดินี่
มีการจัดโปรโมชั่น Golden Wednesday ให้ลูกค้าได้ใช้บริการบุฟเฟ่ต์
พิซซ่า+พาสต้า+เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แบบเติมไม่อั้น
และยังได้เมนคอร์ส 1 จาน+ของหวานอีก 1 จานด้วย 
ในราคามา 4 จ่าย 3 ครับ ซึ่งราคาปกติจะอยู่ที่ 999฿++ (1,176฿ net)
ลดแล้วจะเหลือราคาเพียง 882฿ net  เท่านั้นเองครับ
กับการรันยาวของการดื่มไม่อั้นทั้ง เบียร์, ไวน์, ค็อกเทล
ทานไม่อั้นกับพาสต้ากว่า 6 ชนิดและพิซซ่ากว่า 7 หน้าให้เลือกได้ตลอดคืน
นอกจากนั้นเมนคอร์ส 1 จาน และของหวาน 1 จาน ก็เป็นเมนูจานเด็ด
รวมถึงเมนูพิเศษที่ทางเชฟจะสลับสับเปลี่ยนทุกเดือนให้ได้เลือกอีกด้วยครับ
ซึ่งจะเริ่มสตาร์ทตั้งแต่ 18:00 - 23:00 น. รวม 5 ชั่วโมงเต็มอิ่มกันเลย !!!
(ปกติห้องอาหารปิด 22:00 น. ยังไงลองสอบถามที่ห้องอาหารอีกครั้งครับ)


เรามาดูกันกับบรรยากาศของห้องอาหารกันเลยครับ
ห้องอาหารเมดินี่ตกแต่งด้วยโทนสี ดำ น้ำตาลและทอง
คุมโทนให้ได้ความขรึมแต่อบอุ่น ด้วยห้องอาหารที่มีเพดานสูง
ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดแม้คืนที่มีลูกค้าเต็มร้านก็ตาม
มีการจัดที่นั่งหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมุมเก้าอี้บาร์สูงติดกระจก 
มุมโซฟาเบาะนุ่ม ๆ ชมวิวเพลิน ๆ หรือบริเวณกลางห้อง
ที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มากันหลายคนได้สังสรรค์กันครับ






 


ชั้นไวน์โชว์ไว้หลากหลาย บาร์น้ำก็เปิดโล่งให้เห็นลีลาบาร์เทนเดอร์


 
โดยค็อกเทลที่ห้องอาหารให้บริการนั้นประกอบด้วย 6 ชนิดด้วยกัน
คือ Skrewdriver, Orange Blossom, Tequila Sunrise, Daiquiri,
Blue Margarita และ Caipirinha
ในส่วนของเบียร์สดนั้นบริการยี่ห้อเดียวครับ ดาวแดง
และไวน์จะมีทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว เกรดปานกลาง 




 ตัวค็อกเทล ผมได้ลอง 4 ชนิดจาก 6 ชนิด มีดังนี้ครับ
Tequila Sunrise ค็อกเทลผสมเตอกีล่ากับน้ำส้มสด
รสดี มีเบิ้ลครับ


Daiquiri แอลกอฮอล์ซึ่งน่าจะเป็นจินผสมน้ำมะนาว
เปรี้ยว ๆ เย็น ๆ ลื่นคอ พอให้จิบเก๋ ๆ ในแก้วมาตินี่

 
Blue Margarita สีสันสวยงามด้วยบลู คูราโซ่
ตกแต่งด้วยเลมอน และปาดเกลือรอบปากแก้ว
รสชาติดี สีสวยครับ


Caipirinha ละม้ายคล้ายชามะนาวใส่แอลกฮอล์ซึ่งน่าจะเป็นว๊อดก้า
ซาบซ่าน เปรี้ยวหวานและแอบแรง


ซึ่งค็อกเทลแต่ละชนิด นั้นมีรสหวานนำ ทำให้ดื่มง่าย ทำได้ดีกับส่วนผสม
สัดส่วนแอลกอฮอล์น่าจะเหมาะกับสาว ๆ มากกว่าชายหนุ่มแบบผม

ไวน์ผมลองทั้งแดงและขาว พอจะรู้รสอยู่ว่ายี่ห้ออะไร
และก็ทายถูกครับ ยี่ห้อนี้ระดับกลาง ๆ พอแกล้มกับอาหาร
ได้หลากหลายดีครับ




ส่วนเบียร์สดก็ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก น่าจะได้ดื่มกัน
หรือเคยดื่มกันอยู่แล้วครับ


 มาดูกันที่ของหนักจัดเต็มกระเพาะกันกับพิซซ่าและพาสต้า
สไตล์อิตาเลี่ยนและฟิวชั่นให้ได้เลือกกัน
พิซซ่าเป็นแป้งบางกรอบ
ผมได้ลอง 6 หน้าจาก 7 หน้า (ยกเว้นหน้า Vegetarian)
ทั้งแบบอิตาเลี่ยนแท้ ๆ และฟิวชั่นแบบไทย คือ
Margherita กับ BBQ ChickenBBQ Chicken เนื้อไก่กับซอสบาร์บีคิวรสเข้มข้น
มาพร้อมมะเขือเทศและสัปปะรด บนแป้งบางกรอบอร่อยครับ


Margherita หนักชีสกับมะเขือเทศเต็ม ๆ คำ


Paradiso กับ Green Curry Chicken


Paradiso ชีส 2 แบบกับแฮมและเห็ด เป็นอะไรที่ง่ายแต่อร่อย


Green Curry Chicken หนึ่งเดียวที่ให้ความเป็นไทยฟิวชั่นอิตาเลี่ยน
แกงเขียวหวานไก่กับแป้งพิซซ่า จะโดนมากว่านี้ถ้าเผ็ดอีกนิดครับ

   
Hawaii กับ Siciliana


Hawaii ชีส แฮม มะเขือเทศและสัปปะรดรวมตัวกัน
เหมือนที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดีครับ



Siciliana ตัวเด็ดสำหรับผม ส่วนผสมหลากหลาย
ทั้งมะเขือเทศ ชีส ลูกเคเปอร์ กระเทียม ออริกาโน่
พริกป่น และที่สำคัญคือปลาแอนโชวี่(ปลาเค็มฝรั่ง)


ในส่วนของพาสต้า สามารถเลือกเส้นได้ได้ทั้งสปาเก็ตตี้,
เพนเน่, เฟตตูชินี่, แองเจิ้ลแฮร์ และหมึกดำครับ
ผมได้ลองซอสพาสต้า 4 จาก 6 ชนิด 
(ยกเว้น Alfredo กับ Chicken Onion Cream Sauce)
ซึ่งมีดังนี้ครับ
Aglio E Olio พาสต้าผัดพริกสด กระเทียม
และมะเขือเทศอบแห้ง ทีเด็ดสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กินได้เรื่อย ๆ เลยครับจานนี้



Carbonara รสเข้มข้นของครีมซอสที่รวมวิปครีม ไข่แดง
เบคอน และชีส เข้าถึงอิตาเลียโน่มาก ๆ ครับ



Puttanesca เป็นอีก 1 จานที่รสชาติโดดเด่นด้วย
ปลาแอนโชวี่ ที่ทำให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้มากขึ้นครับ



Arrabiata ซอสมะเขือเทศรสเผ็ดอ่อน ๆ
กับใบโหระพา จานนี้ซอสหนักรสจัดมาก ใครชอบ
ซอสมะเขือเทศเข้มข้น เชิญสั่งเลยครับ



มากันที่เมนคอร์ส ที่ได้ 1 จาน / 1 ท่านนั้น
ก็มีให้เลือกมากถึง 9 เมนูปกติและ 3 เมนูพิเศษกันเลยครับ
ผมเลยขอลองกัน 4 เมนูเพื่อมารีวิวคร่าว ๆ กันสักนิด
กับ Lasagna Di Verdure เป็นลาซานญ่าผักโขม
คล้ายผักโขมอบชีส มาในพอร์ชั่นกระทัดรัด รสชาติดี
ผักโขมนุ่มเข้ากันกับซอสไวน์ขาวและแป้งลาซานญ่า



Australian Lamb Shank เมนูนี้หาทานได้หลายร้าน
ที่เป็นร้านไวน์แอนด์ไดน์นิ่ง ขาแกะทั้งขาตุ๋นกับซอสไวน์แดง
เสิร์ฟพร้อมมันบดและผักต้ม รสชาติดีกลิ่นสาปเอกลักษณ์ของแกะ
ก็ยังคงอยู่ แต่ไม่แรงจนทานไม่ได้ เนื้อแกะนุ่มเข้ากันกับซอสอร่อยครับ

 

Wagyu Beef Short Rib เนื้อส่วนซี่โครงเกรดวัวญี่ปุ่น
ความนุ่มจากการทำให้สุกช้า ๆ ด้วยเวลา 24 ชั่วโมง
ทำให้ได้เนื้อที่อยู่ในระดับมีเดียมกำลังเคี้ยว
ราดด้วยน้ำเกรวี่ มีซอสให้เลือกทาน 2 ตัวที่อร่อยทั้งคู่



และเมนูพิเศษ
Fish Glue Seared Salmon & Sea Bass
Tomato Salsa Sauce with White Wine
จานพิเศษนี้ ครีเอทมากกับการนำปลา 2 ชนิด
ซึ่งก็คือปลาแซลมอนและปลากะพงมาประกบกัน
จี่ผิวของเนื้อปลาให้ได้ความสุกระดับปานกลาง
คงความสดแต่ได้กลิ่นหอม ทานกับซอสมะเขือเทศซัลซ่าไวน์ขาว
เป็นอะไรที่ลงตัวสุด ๆ อีกจานนึงครับ 



หมดเมนคอร์สแล้วก็ต้องตามด้วยของหวานอีก 6 ชนิด
ผมได้ลอง 5 อย่าง (ยกเว้น Sorbetto)


จานแรก Crespelle All'Arancia คือ Crepe Suzette รสส้ม
มากับไอศกรีมวนิลา ประดับด้วยผลไม้สดด้านบน


Creme Brulee ผิวน้ำตาลด้านบนบาง ๆ เบิร์นให้เกรียมเล็กน้อย
ส่งกลิ่นหอม เข้ากันกับตัวครีมด้านล่าง



Teramisu เค้กเนียนเบา เข้ากันกับผลไม้สดและช็อคโกแล็ต


Panna Cotta เนื้อมูสผสมเจลาตินให้มีสัมผัสที่แข็งตัวเล็กน้อย
รสชาติดีกับราสเบอร์รี่รสเปรี้ยว

  
และ Mousse Di Frutta เนื้อมูสเค้กราดซอสผลไม้ชุ่มฉ่ำ สดชื่น



เป็นอันครบถ้วนกระบวนความ ทั้งความเอร็ดอร่อยสไตล์อิตาเลี่ยน
เครื่องดื่มไม่อั้น non stop ตลอดคืน ด้วยทัศนียภาพแสงสีของตัวเมือง
ย่านอโศกที่ทำให้เพลิดเพลิน พร้อมเสียงเพลงคลอเบา ๆ
ไม่ว่าจะไปแฮงค์เอาท์กันกับกลุ่มเพื่อนฝูง
หรือจะพาคู่รักไปสวีทแบบโรแมนติกแบบไพรเวทก็ย่อมได้ครับ










 
 

และนอกจากนี้ ห้องอาหารเมดินี่ ยังมีบริการอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน
จันทร์-เสาร์ ในราคาปกติ 499฿++(587฿ net)
แต่ในวันพุธมีโปรโมชั่น ไป 3 จ่าย 2 เหลือเพียงท่านละ 392฿ net

สามารถดูข้อมูลห้องอาหาร Medinii เพิ่มเติมได้ที่


แต่ก่อนกลับผมแอบขึ้นไปเซอร์เวย์ ห้องอาหาร Axis&Spin
ซึ่งเป็นแนว Sky bar & Lounge ที่อยู่บนชั้น 38-39
เลยแอบสอบถามข้อมูลและเก็บภาพบรรยากาศมากนิดหน่อย
เพราะหวังว่าจะได้มีโอกาสกลับไปเยือน Axis&Spin อีกรอบครับ
โดยคร่าว ๆ ทาง Axis&Spin จะมีโปรโมชั่น Golden Wednesday
คล้ายกับทาง Medinii เพียงแต่จะแตกต่างกันตรงที่ ไม่มีโปร 4 จ่าย 3
ไม่มี Free Flow พิซซ่าและพาสต้า และตัว Cocktail ที่แตกต่างกัน
ออกไปเท่านั้น นอกนั้นจะเหมือนกันคือ Free Flow แอลกอฮอล์+1 เมนคอร์ส +1 ของหวานครับ ซึ่งจะเป็นอาหารแนวตกแต่งแบบสนุกสนาน
  


แต่ที่สำคัญนั้นสำหรับสาว ๆ เพราะเป็น Ladie's Night
สาว ๆ ดื่ม Cocktail ฟรีตั้งแต่ 21:00 น. จนถึงเที่ยงคืนเลยครับ
แถมทุกวันพุธ-เสาร์นั้น มี DJ. มาเปิดแผ่นเพลงสนุก ๆ ให้ได้ขยับตัวกันอีกด้วยครับ เป็นอีกห้องอาหารที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ
 

สามารถดูข้อมูลห้องอาหาร Axis&Spin เพิ่มเติมได้ที่
และสามารถจองที่นั่ง ติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นต่าง ๆ
ของ The Continent Hotel Bangkok ได้ที่

ขอให้มีความสุขกับการรับประทานในทุกมื้อนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น