เชฟจาว ภคปัทม์ ศักดิ์ยโศ หัวหน้าเชฟของร้าน
รีวิวนี้ พามาร้านใหม่เปิดได้เพียงไม่กี่เดือนก็ดังเปรี้ยงปร้าง
กับความที่เป็นร้านเก๋ ๆ สวย ๆ ตกแต่งด้วยกลิ่นไอของโรงนาแบบฝรั่ง
ตั้งอยู่กลางซอยพร้อมจิตต์/พร้อมพงศ์ (สุขุมวิท 39) กลางเมือง
อาหารอร่อยเด็ด จับคู่กับเครื่องดื่มที่หลากหลายได้เบ็ดเสร็จเลย
ด้วยฝีมือเชฟจาว ภคปัทม์ ศักดิ์ยโศ หัวหน้าเชฟของร้าน
ตัวเล็กพริกขี้หนู แต่ฝีมือโตเกินขนาดตัว กับร้าน SEED แห่งนี้
ตัวเล็กพริกขี้หนู แต่ฝีมือโตเกินขนาดตัว กับร้าน SEED แห่งนี้
ร้าน SEED กับบรรยากาศตกแต่งแบบโรงนาสไตล์ฝรั่ง
ใช้กระจกรายล้อมรอบร้านให้ได้ความโปร่ง โล่ง สบาย
รวมถึงการเปลือยภายในของร้าน โชว์งานปูนเปลือย อิฐ
และไม้ ที่ตกแต่งด้วยเชือกใหญ่และไฟหลอดไส้อย่างลงตัว
พร้อมทั้งบาร์เครื่องดื่มและครัวที่โชว์ให้เห็นได้อย่างไม่ขัดตา
ประดับประดาโต๊ะ และตามมุมต่าง ๆ รวมถึงผนังของร้าน
ด้วยต้นข้าวและต้นไม้เล็ก ๆ ดูสบายตา
สำหรับอาหารนั้น เชฟจาว เลือกวัตถุดิบแบบท้องถิ่น
จากแหล่งที่สะอาด ปลอดภัย เพราะใส่ใจในรสชาติแล้ว
คุณภาพของวัตถุดิบต่าง ๆ ที่นำมาปรุงนั้น ต้องดีเพียงพอด้วย
อาหารก็จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ ทั้งสลัด อาหารเรียกน้ำย่อย
ซุป อาหารจานหลัก อาหารกินเล่น และของหวาน จนถึงเครื่องดื่ม
ให้เลือกได้เพียงพอใน 1 หน้ากระดาษเมนูขนาด A4
ถึงแม้จะไม่เยอะมากมายแต่ก็แน่นไปด้วยคุณภาพก็ว่าได้ครับ
รวมถึงบางเมนูที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้กินเจหรือมังสวิรัติอีกด้วยครับ
ก่อนเริ่มมื้อ ขอจิบสปาร์คกลิ้งไวน์เย็น ๆ ให้ชื่นใจก่อนนะครับ
กับ ZAREA เป็นแบบ Rose หอม ๆ เพื่อปรับลิ้นเตรียมลิ้มรสอาหาร
ให้กินขนมปังโฮมเมดกับเนยกระเทียมต้นหอม เป็น complimentary
อร่อยมาก ขนมปังนุ่ม ๆ อุ่น ๆ กับเนยหอม ๆ มัน ๆ
เป็นสไตล์ที่ผมชอบเลยครับ กินไปหลายชิ้นแต่ต้องติดเบรคไว้
ไม่งั้นอดลองจานหลัก ๆ แน่ ๆ ครับ
สำหรับอาหารเรามาเริ่มกันที่จานสลัด
ถ้าในเมนูจะอยู่ในหมวดหมู่ GREENS
เชฟจาว แนะนำ สลัดอกเป็ดรมควัน Duck Breast Salad (290)
อกเป็ดรมควันสไลด์มาไม่หนาไม่บางไปกำลังดี
ราดด้วยน้ำสลัดรสส้มและแครนเบอร์รี่ ที่ให้รสกระชับกับผักสลัดสด ๆ
และตัวอกเป็ดได้เป็นอย่างดี ใครชอบสลัดน่าจะต้องลองเลยครับ
ถัดมาเป็น Appetizers เชฟจานนำเสนอถึง 2 อย่างด้วยกัน
จานแรก Homemade Tofu เต้าหู้ทำเองแปลแบบบ้าน ๆ (290)
หลายคนคงแปลกใจว่าทำไมแพงจัง เต้าหู้อะไรตั้ง 290 บาท
เพราะว่าเต้าหู้นุ่ม ๆ ชิ้นใหญ่ นำไปทอดให้ผิวด้านนอกเหลืองกรอบ
จัดวางอยู่ใจกลางซอสข้นที่ทำจากตับห่านนั่นเองครับเลยราคาสูง
นอกจากตับห่านยังมีเห็ดหอมญี่ปุ่นและต้นหอมญี่ปุ่นซอยวางประดับ
ไว้ด้านบน ซึ่งทุกสรรพสิ่งกินพร้อมกันนั้นลงตัวอย่างที่สุด
ด้วยความกรอบนอกนุ่มในของเต้าหู้ ผสมผสานกับความหอมมันอร่อย
ของซอสตับห่านข้น ๆ ผมนี่โกยซอสซะเกลี้ยงอย่างไม่อายเลยครับ
จานที่สอง สำหรับอาหารเรียกน้ำย่อย
Organic Lamb Tartare (390)
จานเด็ดอีกจานที่ผมชอบมาก ๆ เลย กับทาร์ทาร์เนื้อแกะ
เชฟจาวเลือกใช้เนื้อลูกแกะอายุ 3 เดือนมาทำ
เพื่อความนุ่มและกลิ่นสาปที่ไม่แรง เหมาะกับการนำมาทำดิบ
ผสมผสานกับมะเขือเทสและพริกแช่อิ่ม กินกับมายองเนสผสมสมุนไพร
เสิร์ฟมาพร้อมไข่ต้ม และขนมปังปิ้ง ไม่มีวิธีตายตัวว่าจะต้องกินอย่างไร
ผมจัดการเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน แล้ววางบนขนมปังพร้อมไข่ต้ม
และลองกินแบบเปล่า ๆ ก็ได้ความอร่อยทุกคำ
แต่เป็นความอร่อยที่แตกต่างกันในแต่ละคำครับ
ถัดมาเป็นซุปครับ เชฟจาวแนะนำ ซุปฟักทอง Pumpkin Soup (290)
ซุปฟักทองเข้มข้น สีเหลืองสวยงาม ใส่ขนมปังเนยอบและแฮมรมควัน
เป็นซุปฟักทองที่แตกต่างจากที่เคยกินมาพอสมควร ทั้งรสชาติและสัมผัส
เป็นซุป SEED ที่ต้องลองเลยครับ
เบรคพักลิ้นกันสักนิดด้วยไวน์ขาว Lazy Monkey Sauvignon Blanc
เบา ๆ ดื่มง่าย ไม่หวานเกินไป ไม่ดรายครับ จิบ ๆ แล้วเราก็เข้าสู่
Main Course กันครับ
จานหลัก จานเด่น ที่ต้องมาแล้วต้องโดนครับ กับ จานพาสต้าจานนี้
Whole Sea Crab (1,390) แปลตรง ๆ ก็ปูทะเลทั้งตัวนั่นแหละครับ
ปูทะเลไซซ์ใหญ่ขนาดประมาณ 6 ขีด - 1 กิโลกรัม (แล้วแต่วัน)
นำมาผัดกับซอสพริกไทยดำและมัน/ไข่ปู พร้อมกับเส้นสปาเก็ตตี้
ที่ลวกมาแบบ AL dente เด้งสู้ฟัน ซอสผัดกับเส้นมาแบบชุ่มฉ่ำ
รสชาติเค็ม เผ็ด มัน กระหน่ำด้วยความหอมฟุ้งของมันปู กินกับเส้น
และเนื้อปูแน่น ๆ ได้อย่างไม่ควรจับแยกจากกันอีกต่อไป
จานนี้แนะนำว่าให้แชร์และแบ่งกันได้ถึง 2-3 คนเลยครับ
ถัดมาเป็นจานเนื้อ กับ Duck Confit (590)
เป็ดตุ๋นน้ำมันจนเนื้อเปื่อยนุ่มหนังกรอบ ราดด้วยเกรวี่
ที่ทำจากแครอทและขิง และยังจิ้มกินกับซอสส้มข้น ๆ สีสวยได้ด้วย
กินแกล้มกับผักกาดขาวตุ๋นนุ่ม ๆ นำมาเบิร์นผิวเล็กน้อยกำลังอร่อย
จานต่อมา Meat เอ้ยย Beef Lover พลาดไม่ได้อีกแล้ว
Tomahawk Steak (2,350) สเต็กเนื้อริบอายส์ติดกระดูก
ขนาดประมาณ 8-9 ขีด ใช้เวลาเตรียม 40 นาที เหมาะสำหรับ 2-3 คน
เนื้อริบอายส์ส่วนติดกระดูกรสเข้มข้น สุกระดับมีเดียมแรร์
ปรุงรสด้วยเกลือหยาบอย่างดีเพียงเท่านั้น ให้ได้รสเนื้อและความหอม
ของตัวเนื้ออย่างเต็ม ๆ โดยมีซอสให้เลือกจิ้ม 2 แบบคือซอสเนื้อ
และแจ่วแบบไทย ๆ มีมันฝรั่งทอด หอมใหญ่ทอดและผักย่าง
เป็นเครื่องเคียง ให้ได้สนุกสนานกันกับการกินเนื้อได้อย่างเต็มที่
ความอร่อย ความนุ่ม จัดได้ว่าทำออกมาได้ดีไม่ผิดหวังครับ
ได้เนื้อเลยต้องอัญเชิญไวน์แดงออกมา
กับ The Great Flyte องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon
จาก California ปี 2013 เนื่องจากเป็นไวน์โลกใหม่
เลยไม่ต้องเก็บนานก็ดื่มได้แล้วครับ เพราะบางทีดูแล้วปีจะใหม่
ไม่น่าเปิด แต่จริง ๆ แล้วก็เปิดดื่มได้ตั้งแต่ที่เค้าวางจำหน่ายครับ
หอมกลิ่นผลไม้ป่า ฉ่ำปากพอสมควร บอดี้กลาง ๆ
เหมาะกับอาหารหลาย ๆ ชนิดที่เป็นจานเนื้อและรสจัดครับ
จานหลักอีกจาน สำหรับคนไม่กินเนื้อ ก็ต้องเป็นหมู
กับ Pork Ribs (680) ซี่โครงหมู 4 ชิ้นใหญ่
หมักซอสบาร์บีคิวมะขามย่าง ๆ มาหอม ๆ
ได้รสชาติแปลกใหม่ของซอสที่แตกต่างจากซอสบาร์บีคิวทั่วไป
แต่ก็ยังเข้ากันได้กับเนื้อหมู เสิร์ฟพร้อมสลัดโคลด์สลอว์
และหอมใหญ่ทอดแบบโฮมเมด
จบจานหลัก ก่อนเข้าสู่ของหวาน จัดเบียร์สดสักแก้วมาล้างรสชาติครับ
Stella Artois เย็น ๆ สักแก้วครับ
ของหวาน เชฟจาวแนะนำกันถึง 3 จานครับ
จานแรก French Toast (250)
ขนมปังชุบไข่ทอดกรอบ เสิร์ฟและกินพร้อมกับลูกแพร์ตุ๋น
มาสคาโปเน่ชีส และไอศกรีมกล้วยหอมรมควัน
จานนี้กินเพลินมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบขนมปังสไตล์ French Toast
ส่วนประกอบต่าง ๆ ในจานก็ทำให้รสชาติดียิ่งขึ้นครับ
จานที่สอง Strawberry Shortbread (250)
กินกับไอศกรีมวนิลหอมหวานมัน กับคัสตาร์ดกลิ่นกุหลาบ
ตัดรสชาติอีกชั้นด้วยสตอเบอร์รี่ซอร์เบท์ จานนี้ก็หมดภายในพริบตา
จานที่สาม Meringue (290)
กานาจงาดำ บนครีมซอสถั่วเหลืองผสมถั่งแดง
กินกับไอศกรีมถั่วพิชตาชิโอ และช็อคโกแล็ตขาว
หนุบหนับเต็มปากเต็มคำ ได้รสและสัมผัสที่แปลกใหม่ดีจริง ๆ
ร้าน SEED หลังจากที่ได้ลิ้มลองแล้ว ทั้งบรรยากาศที่ดีงาม
อาหารที่เอาใจใส่ทั้งรสชาติและวัตถุดิบ จัดเป็นอีกร้านใจกลางเมือง
ที่น่าสนใจในการเลือกเป็นมื้ออาหารดี ๆ ในมื้อค่ำอีกร้านเลยครับ
เวลาเปิด-ปิด อังคาร-อาทิตย์ 17:30-เที่ยงคืน(รับออเดอร์สุดท้าย 23:30 น.)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองโต๊ะ ติดต่อได้ที่
โทร.099-283-6363
info@seedbkk.com
facebook : seedbangkok
ig : seedbkk
info@seedbkk.com
facebook : seedbangkok
ig : seedbkk
ขอบคุณที่ติดตามและขอให้มีความสุขกันทุกคนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น