รีวิวนี้จะพาไปทานอาหารประจำบ้านของผมกันครับ
กับชาบูชาบู สุกี้ญี่ปุ่น แถมยังมีซูชิเกรดพรีเมียมให้ได้อิ่มกันอีก
กับร้าน Chubu Shabu ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ตั้งอยู่ในซอยอุดมสุข
ถึงก่อนแยกศรีอุดม ใกล้บ้านผมเลยไปได้สบาย ๆ เลยครับ
ร้าน Chubu Shabu มีมาสคอตเป็นหมีญี่ปุ่น ที่ทางร้านเรียกเองว่า
เป็นหมีขี้อวด ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นด้วยการยกกลิ่นไอของ
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เมืองกิฟุ/โทยาม่า มาไว้ภายในร้าน
ไม่ว่าจะเป็นลวดลายผนังของร้าน โคมไฟที่ติดไว้ใต้เพดาน
และโต๊ะที่เป็นลวดลายไม้ ให้บรรยากาศอบอุ่น หลบหนาว
มาพึ่งความอบอุ่นของ ชาบูและสุกี้ร้อน ๆ ภายในบ้านหลังนี้
ลักษณะร้านเป็นห้อง 2 คูหา(คล้ายอาคารพานิชย์)
ด้านหน้าร้านมีที่จอดรถประมาณ 6-8 คัน และต้องแชร์กัน
กับร้านด้านข้างอีก 1 ร้าน แต่น่าจะสามารถหาที่จอดได้ตามซอย
แล้วเดิมมายังร้านได้ครับ
หน้าร้านและเวลาเปิด-ปิด
เข้ามาภายในร้านก็จะพบกับการตกแต่งตามที่ได้บรรยายไว้ข้างต้น
ในส่วนของโต๊ะเป็นลายไม้ เก้าอี้ส่วนใหญ่เป็นแบบพนักพิงต่ำ(ไปหน่อย)
และเป็นโซฟาไม้ตีแนวยาวลึกเข้าไปในร้าน
เตาที่ใช้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้ากับหม้อที่แบ่งครึ่งน้ำซุปได้
ผมเลยเลือกทั้งซุปชาบูและสุกี้มาลองครับ
น้ำจิ้มที่ร้านมีแต่แบบพอนสึ(สีดำใสเปรี้ยว)และน้ำจิ้มสุกี้(ไทยไม่ได้ถ่ายภาพมา)
ไม่มีน้ำจิ้มงาบดเหมือนกับร้านชาบูอื่น ๆ ครับ
ในวันนี้ที่มาทาน ผมเลือกบุฟเฟ่ต์สเปเชี่ยล ราคา 759 บาท net
จาก 3 ราคาบุฟเฟ่ต์ ที่มี 359 บาท net ธรรมดา
และ 459 บาท net แบบพรีเมียม ซึ่งผมเลือก 759 บาท
เพื่อจะสามารถทานได้ทุกเมนูในทุกราคาบุฟเฟ่ต์ครับ
ในแต่ละราคามีอะไรให้เราทานบ้างมาดูกันในเมนูเลยครับ
ในทุกราคาบุฟเฟ่ต์จะมีชาเขียวร้อนหรือเย็น ไว้บริการฟรี
แต่ถ้าต้องการน้ำเปล่าก็ต้องซื้อเพิ่มครับ
ชาเขียวร้อน กลิ่นหอมพอประมาณ
ระบบการสั่งอาหารของทางร้าน จะเป็นแผ่นกระดาษให้เราใส่จำนวน
ที่เราต้องการหลังรายการอาหารแต่ละชนิดครับ
ก่อนการรับประทาน มาอ่านกฏ กติกา มารยาทของทางร้านกันสักนิด
เพื่อจะได้ประเมินสถานการณ์การทานของแต่ละท่านได้ถูกต้อง
และทั้งโต๊ะต้องทานเป็นเมนูบุฟเฟ่ต์ในราคาเดียวกันนะครับ
จัดการส่งเมนูไป รออาหารอยู่สักพักใหญ่ ๆ เหมือนกันครับ
กว่าจะนำออกมาเสิร์ฟแต่ละจาน โดยจะมาพร้อม ๆ กัน
ทั้งเครื่องชาบูและซูชิที่สั่งไป มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้างที่สั่งไป
หอยเชลล์สีโบรุ ตัวใหญ่ดีครับ
ปลาแซลมอน เนื้อส้มสวยน่าจับลงน้ำร้อน
หอยแมลงภู่ชิลี ตัวออกจะเล็กและเปลือกดำ
อย่าลวกหรือต้มนานเ
กินไปหากจะกินเนื้อ
เพราะเนื้อหอยจะหดหายไปพอสมควรครับ
หมึกกระดองตัวเล็ก สด กรอบดีครับ
เนื้อแกะชอบดูแล้วสลับกับเนื้อเสือร้องไห้เรื่อยเลยครับ
จนได้ทานเข้าไปถึงรู้ว่าชิ้นไหนแกะชิ้นไหนวัว
เนื้อสะโพกวัวออสเตรเลียจะไม่ค่อยติดมัน
เนื้อสันนอกวากิว ลายประมาณนี้ครับ
เนื้อเสือร้องไห้ ผมนี่ดูแล้วแอบสับสนกับเนื้อแกะ
จนได้ทานเข้าไปถึงรู้ว่าชิ้นไหนเนื้อวัวชิ้นไหนเนื้อแกะ
เนื้อสันนอกออสเตรเลีย ติดมันน้อยเช่นกัน
เนื้อสันคอหมู นุ่มดี
เนื้อหมูสามชั้น มันก็โอเค
ไก่คาราอาเกะ
ในส่วนของภาคชาบูและสุกี้นั้น น้ำซุปชาบูรสชาติอ่อน ใส ๆ ซดง่าย
เหมาะกับวัตถุดิบทุกอย่าง แต่สำหรับน้ำซุปสุกี้ที่รสชาติเข้มข้น หวานเค็ม
แนะนำให้ลงเฉพาะเนื้อวัวและเนื้อแกะครับ จะเหมาะกว่า
แล้วนำขึ้นมาจุ่มกับไข่กิบ ลดความร้อนและเพิ่มความนุ่มนวลของรสสัมผัส
และตัดความหวานเค็มของน้ำซุปสุกี้ได้อย่างดีครับ
สำหรับของทอด ๆ ผมได้ลองเพียงไก่คาราอาเกะ ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบครับ
จะกรอบก็ไม่กรอบสำหรับด้านนอกส่วนด้านในก็น่าจะนุ่มได้มากกว่านี้
เบรคด้วยถั่วแระญี่ปุ่นสักถ้วย
ก่อนเดินทางเข้าสู่ภาคซูชิกันครับ
ซึ่งคอมเม้นต์ของผมตรงนี้ หากใครชอบชิ้นปลาใหญ่หนา
อาจจะไม่ได้ดั่งใจ แต่ถ้าใครชอบคำเล็กคำน้อยก็น่าจะเหมาะครับ
เริ่มจากซูชิที่สามารถเรียกแขกเข้าร้านได้อย่างดี
ผมให้ตัว เอ็นกาวะทั้งแบบซูชิและโรล เป็นพระเอกได้เลยครับ
ถัดมาเป็นตัวไฮไลท์ที่ร้านทำขึ้นมา กับ มากุโร่โฟร์ซีซั่น
ประกอบไปด้วย มากุโรสไปซี่-ฤดูร้อน, มากุโร่เซซามิสลัด-ฤดูใบไม้ผลิ,
มากุโร่ลนไฟเทริยากิ-ฤดูใบไม้ร่วง และมากุโร่วาซาบิ-ฤดูหนาว
มากุโร่ลนไฟเทริยากิ-ฤดูใบไม้ร่วง และมากุโร่วาซาบิ-ฤดูหนาว
ซึ่งจะมีให้ลิ้มลองถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้นครับ
ทั้ง 4 รสชาติทำได้ลงตัวดีครับ
ตัวต่อมาซูชิ/โรลวากิว และซูชิ/โรลฟัวกราส์ สูสีกันตีคู่กันมา
แต่ตัวฟัวกราส์จะทำได้ไม่สุกเท่าที่ควร เนื้อฟัวกราส์จะเละ ๆ
และคาวกว่าที่เคยทานที่ไหนมา เลยให้วากิวเฉือนไปครับ
ซูชิหน้าปลาฮามาจิ เนื้อปลาฮามาจิยังไม่ค่อยดูดีเท่าไหร่
รสชาติก็แปลกไป แต่ไม่คาว
สำหรับหน้ากุ้งหวาน อร่อยดีครับ
หน้าแซลมอน หน้าปลาโคฮาดะดอง หน้าหอยปีกนก หน้าเป็ดรมควัน
รวมไปถึงหน้าปลาไหลย่างซีอิ๊ว(อูนางิ)ก็ได้มาตรฐาน
แต่ตัวปลาไหลผมได้กลิ่นฉุนขึ้นจมูก แบบที่ไม่เคยเจอครับ
ทั้งแบบโรลและซูชิเลย
ซูชิหอยเชลล์ ซูชิแซลมอนสไปซี่ ไข่หวาน ก็ได้มาตรฐาน
กลาง ๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรครับ
สุดท้ายกับของหวานปิดท้าย เป็นโมจิถั่วแดง เป็นจบมื้อ
ครบเวลาพอดีเลยครับ
แนะนำสำหรับซูชิ ทานเอ็นกาวะ วากิวและฟัวกราส์(ถ้าดีขึ้น)
และปลาไหลย่างซีอิ๊วถ้ากลิ่นไม่ฉุนนะครับ
ก่อนหมดเดือนสิงหาคมนี้ก็อย่างพลาดมากุโร่โฟร์ซีซั่นด้วย
เนื่องจากร้านเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ระบบต่าง ๆ อาจจะยังคง
ไม่ลงตัวเท่าไหร่ การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตอาจจะมีขัดข้อง
ใช้งานไม่ได้ อย่าลืมพกเงินสดติดตัวไปด้วยก็แล้วกันครับ
ปิดท้ายด้วยโปรโมชั่นตอนนี้ของทางร้าน
เพียงเช็คอินที่ร้านได้รับส่วนลดบุฟเฟ่ต์ 10%
และเมนู a la carte 15% เมื่อชำระด้วยเงินสด
หากชำระด้วยบัตรเครดิต จะได้ลดบุฟเฟ่ต์ 5%
และเมนู a la carte 10%
สนใจจองที่นั่งหรือติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลได้ที่
https://www.facebook.com/chubushabu
โทร.0-2003-7799
ขอให้อร่อยอย่างอิ่มและอบอุ่นดั่งอยู่ในหมู่บ้าน
ชิราคาวาโกะกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น