พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

YTSB : Yellow Tail Sushi Bar


รีวิวนี้ จะพาไปทานอาหารญี่ปุ่นมื้อสุดพิเศษครับ
เพราะได้รับคำเชิญจากผู้บริหารและทีมงานของ Openrice Thailand
เว็บไซต์รวบรวมร้านอาหารชั้นนำของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย
ให้มาเปิดประสบการณ์ในการลิ้มรสชาติอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศ
ที่ถ่ายทอดออกมากจากฝีมือหัวหน้าเชฟ เชฟเชษฐา ที่คร่ำหวอด
ในวงการอาหารญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 20 ปี ทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบ
การปรุงอาหาร ขั้นตอนการรับประทาน และความสวยงามของ
การจัดแต่งจาน ที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ต่ออาหารและ
ผู้ที่ได้รับประทานอีกด้วย โดยครั้งนี้ทางทีมงาน Openrice Thailand
ยังได้เชิญแขกผู้มีเกียรติอีก 2 ท่าน คือ คุณอจิรา
จาก https://www.facebook.com/ajiraTheCritic นักวิจารณ์อาหาร
ชื่อดังรุ่นใหม่ไฟแรง และ คุณชิ้ง กนกวรรณ Food blogger สาวสวยชื่อดัง
สาย Fashion on Food ที่มีผู้ติดตาม 2 แสนกว่าคนที่เพจ
และ www.chingcancook.com พร้อมกับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล
จากการเล่นเกมส์ผ่านแอพ opensnap แอพหาร้านอาหารใกล้ตัว
อีก 1 ท่านด้วยครับ ทำให้มื้อนี้ที่ผมไปร่วมรับประทาน ออกจะเกร็ง ๆ
อยู่เหมือนกันครับ 555


ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับร้าน YTSB กันสักเล็กน้อยครับ
ร้าน YTSB ตั้งอยู่ที่ชั้น 3(เป็นระเบียง) และ 4(เป็นเคาท์เตอร์บาร์และห้องอาหาร)
ของโรงแรม VIE Hotel Bangkok ย่านราชเทวี ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี
เพียงไม่กี่สิบเมตรครับ สะดวกสบายในการเดินทางมากด้วยการใช้ BTS ครับ


ร้านชั้น 3 ระเบียงเปิดโล่งจุได้ 20 ที่นั่งเป็นที่นั่งแบบรังนก
ส่วนชั้น 4 ที่เป็นห้องปรับอากาศและเคาท์เตอร์บาร์จุได้ 50 ที่นั่ง
ภายในห้องอาหารชั้น 4 ที่ผมได้ไปสัมผัส การตกแต่งเน้นการใช้ไม้แทนความสงบ
ตัดแต่งด้วยสีสันต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างลงตัว
รวมถึงการนำของตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นต่าง ๆ เพื่อให้ได้กลิ่นไอของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ร่วมสมัยผสมตะวันตกพบตะวันออก สมกับการที่ร้านได้รับรางวัลมากมายครับ










เมนูของทาง YTSB มีมากมายให้ได้เลือกลิ้มรสกันในแบบ a la carte
และแบบ all you can eat (Tabe-Hodai) ที่จะจัดทุกวันพุธแรกของทุกเดือน
ในราคาประมาณ 3,000++ บาทต่อท่านอีกด้วยครับ
แต่ส่วนใหญ่ที่เป็นเมนูแนะนำของ YTSB ก็จะเป็นซาซิมิ,
ซูชิและโรล ที่เป็นที่นิยม เพราะได้ลิ้มรสความสดของปลา/วัตถุดิบได้เต็มที่
และฝีมือการครีเอทซูชิที่เป็นแนวผสมผสานแบบชนิดว่าน้อยแต่ได้มาก
ได้อย่างเลิศรสอีกด้วยครับ ซึ่งแต่ละเมนูจะมีอะไรกันบ้างนั้น เรามาลองชมกันเลยครับ
ทางห้องอาหารและทีมงานได้เตรียมไว้ให้ พร้อมกับสปาร์คกิ้งสาเกให้ได้ลองชิมพร้อมกันไปด้วย



ผมขอวอร์มลิ้นด้วยชาเขียวร้อน หอมกรุ่น รสอ่อน ๆ กำลังดีก่อนครับ
แต่ถ้าไมชอบร้อน ก็มีแบบเย็นเป็นตัวเลือกครับ



สักครู่เมื่อสมาชิกมาพร้อมหน้ากันแล้ว ทางร้านก็นำตะเกียบหลากหลายแบบ
มาให้ได้เลือกใช้เป็นตะเกียบประจำตัวครับ


แล้วก็เริ่มเมนูแรกด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย
เป็น สลัดหนังปลาแซลมอน Salmon Skin Salad
ผักสดกรอบ ราดด้วยซอสสลัดสไตล์พอนซึแบบญี่ปุ่นผสมกับงาขาว
ด้านบนวางด้วยหนังปลาแซลมอนทอดกรอบ เป็นอะไรที่สดชื่นลงตัว
ได้รสชาติอร่อย ๆ และสัมผัสที่หลากหลายผ่านผักสดและหนังปลาแซลมอนทอด
เข้ากันได้ดีกับน้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่นครับ
(แต่จานนี้มีหนังปลาหลายชิ้นที่ทอดนานไปครับ ผมรู้สึกว่ากรอบเกินจนเกือบขม)




ถัดมาเป็นจานปลาดิบ กับ Hamachi Dry Miso เป็นปลาฮามาจิส่วนติดท้อง
โรยด้วยผงมิโสะแห้ง ซึ่งไม่ได้หาทานได้ง่าย ๆ เลยครับ
ที่นำเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นมาทำการตากแห้งแล้วบดให้เป็นผงปรุงรส
โรยบนปลาฮามาจิส่วนติดท้องที่ให้ความนุ่น ชุ่มฉ่ำจากความสดของเนื้อปลา
ผสมกับความหอมอร่อยของมิโสะแห้ง เป็นอะไรที่ต้องมาลองจริง ๆ ครับ



 
ขอคั่นด้วยสปาร์คกิ้งสาเก THUYAMEKU ก่อนจะไปจานต่อไป
เป็นรสพีช และ รสเบอร์รี่ครับ สำหรับผมชอบรสพีชมากกว่า
ดื่มได้ง่าย เหมาะกับอาหาร แต่รสเบอร์รี่ผมดื่มแล้วความรู้สึก
เหมือนกับยาแก้ไอชนิดน้ำสำหรับเด็กครับ แต่สาว ๆ อาจจะชอบก็ได้ครับ


จานต่อมา นำเสนอด้วยการจัดจานมาแบบอลังการ กับ
YTSB Ice Balloon Sashimi จานซิกเนอเจอร์ที่เสิร์ฟซาซิมิชั้นดี
มาในโถน้ำแข็งทรงกลม เพื่อรักษาอุณหภูมิของวัตถุดิบ
ให้ผู้ทานได้ละเลียดในรสชาติความสด อร่อยของซาซิมิอย่างช้า ๆ
ไม่ต้องเร่งรีบ เหมาะกับการทานไป ดื่มไป คุยกันไป อย่างแท้จริงครับ
โดยซาซิมิที่จัดมาให้ได้ลองนั้น ประกอบไปด้วยวัตถุดิบ 5 ชนิดดังนี้
ปลามากุโร่(ทูน่า)ส่วนอากามิ(เนื้อแดง), ปลาฮามาจิ,
ปลาแซลมอนส่วนท้อง(โทโร่), กุ้งหวานตัวใหญ่(โบตัน) และ
ปลาหมึกอิกะสไลด์เป็นเส้นริ้วพร้อมโรยไข่กุ้งสวยงาม




ถัดมายังคงเป็นเมนูซาซิมิ แต่เป็นเมนูใหม่ที่หัวหน้าเชฟเชษฐา
ได้คิดค้นขึ้นมากับ Sakura Sashimi
ที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละวันในระดับพรีเมียม
ซึ่งในวันที่ผมไปรับประทานนั้น จะประกอบด้วยวัตถุดิบดังนี้
ปลามากุโร่(ทูน่า)ส่วนโอโทโร่(ท้อง), ปลามากุโร่(ทูน่า)ส่วนอากามิ,
ไข่หอยเม่นสด(อูนิ), ปูทาราบะ, หอยงวงช้าง, ปลาฮามาจิ และกุ้งโบตันเอบิ
มากันแบบนี้ได้ฟินกันสุด ๆ เลยครับ












แต่ถ้าใครอยากได้แบบหนักท้องขึ้นมาหน่อย ทางเชฟเชษฐา
ก็จัดมาเป็นซูชิรสเลิศ ด้วยข้าวปรุงรสพอดีคำอัตราส่วนสมกันกับชิ้นปลา
และวัตถุดิบที่มาทั้งแบบออริจินัลและผสมผสานกันกับซอสสูตรพิเศษ
ในชื่อเมนูที่ว่า Sakura Sushi
โดยประกอบไปด้วย ข้าวห่อสาหร่ายหน้าไข่หอยเม่นสด,
ข้าวปั้นหน้าปลาไหล(น้ำทะเล)อานาโกะ, ข้าวปั้นหน้าโอโทโร่
พร้อมกับซอสพอนสึและต้นหอมสับ, ข้าวปั้นหน้าปลาฮามาจิ
พร้อมกับซอสไข่หอยเม่น, ข้าวปั้นหน้าอากามิแช่ซอสโชยุ
พร้อมไข่ปลาแซลมอน, ข้าวปั้นหน้าปลามาได(กะพงญี่ปุ่น)
พร้อมซอสสูตรพิเศษ, ข้าวปั้นหน้ากุ้งโบตันกับซอสสูตรพิเศษ
และไข่หวานญี่ปุ่น บอกได้ว่าแต่ละคำแต่ละคำนั้นอร่อยลืมกลืนครับ








ต่อกันด้วยเมนูโรลกันบ้าง ในแนวผสมผสานหรือฟิวชั่นนั้น
เชฟเชษฐาก็คิดค้นมาได้อย่างดี เหมาะสมและลงตัว
คือ Yellow Spy ที่เป็นโรล ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาแซลมอน
ไข่กุ้ง อะโวควาโดและมะม่วง แล้วพันด้านนอกด้วยปลาแซลมอน
พร้อมกับไข่ปลาแซลมอนกับครีมซอสมะม่วง เมนูนี้ ความสดชื่นมาเต็ม
รสชาติผสมผสานกันได้อย่างดีเลยครับ คิดมาอย่างดีที่นำมะม่วงสุก
มาประกอบร่างเป้นโรลตัวนี้ครับ




นอกจาก Yellow Spy แล้ว โรลอีก 1 ตัวที่อยากแนะนำคือ
Rossini Roll ที่มาแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ กับความมันอร่อยผสมกัน
นั่นเพราะเป็นข้าวห่อสาหร่ายไส้ตับห่าน(ฟัวกราส์)และหน่อไม้ฝรั่ง
แล้วพันด้านนอกด้วยเนื้อวัววากิว(สายพันธุ์ญี่ปุ่น)ที่ผ่านการเบิร์น
ให้ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าสู่ปากจนไปถึงจุดจบ
ด้วยการกลืนจนหมดคำ ได้ดื่มด่ำกับตับห่านแสนนุ่มนวลมันอร่อย
กับความกรอบของหน่อไม้ฝรั่ง รวมถึงความชุ่มฉ่ำของเนื้อวากิวด้วยครับ




และแล้วก็เดินทางมาถึงอาหารจานสุดท้าย ซึ่งเป็นของหวานประจำร้าน
กับ Hiyashi Zenzai เป็นไอศกรีมรสชาติรัมเรซิ่น(รัมและลูกเกด)
มาพร้อมกับแป้งโมจิและสตอเบอร์รี่สด ราดด้วยถั่วแดงร้อนและนมข้นหวาน
ทานพร้อมกันทุกอย่าง ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นของหวานที่ต้องลอง
แล้วจะติดใจครับ




หลังจากทานเรียบร้อยแล้ว เชฟเชษฐา ก็มาแนะนำตัวให้พวกเราได้รู้จักกันครับ
รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการทานอาหารญี่ปุ่น ขนบธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่น
ในเวลาที่ทานอาหารจำพวกซูชิ ซาซิมิ รวมไปถึงแรงบัลดาลใจในการคิดเมนู
ตกแต่งจัดจาน และการจับคู่เครื่องดื่มกับอาหาร เรียกได้ว่าความรู้เพิ่มพูน
เพราะได้เชฟมากความสามารถมาเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์โดยตรงครับ


สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณ Openrice Thailand อีกครั้งครับ
สำหรับ Openrice Exclusive Dining ที่ YTSB ในครั้งนี้
ทำให้ได้พบประสบการณ์การทานอาหารญี่ปุ่นและเพื่อนใหม่อีกด้วยครับ

สนใจสำรองที่นั่งหรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมดูโปรโมชั่นได้ที่
โทร.02-309-3839 


ขอให้ทุกท่านได้รับประทานอาหารดี ๆ มีประโยชน์
และอร่อยกันถ้วนหน้านะครับ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น