พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

22 Kitchen & Bar with 1 Michelin Star Guest Chef Hervé Rodriguez


ค่ำคืนที่ผ่านมา ผมมาอยู่บนชั้นสูงสุด
ของโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในประเทศไทยอีก 1 แห่ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่พัก การบริการ และอาหารการกิน

ห้องอาหาร 22 Kitchen & Bar
อยู่บนชั้น 22 ของโรงแรม ที่ซึ่งครั้งหนึ่ง
ก็เคยเป็นชั้นสูงที่สุดของโรงแรมในประเทศไทย

มาอยู่กัน ณ ชั้น 22 ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ
กับห้องอาหาร 22 Kitchen & Bar​
และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 48 ปีของโรงแรม
คืนนี้ได้มาประเดิมความอร่อยก่อนงานจริง
เพราะตั้งแต่วันที่ 6-8 กันยายน 2560 นี้
จะได้ลองลิ้มชิมรสฝีมือ เชฟระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว
เชฟแอร์เว่ โรดริเกซ ที่จะนำเสนออาหารฝรั่งเศสสุดหรู
ด้วยฝีมือการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพชั้นดี
ทั้งในและต่างประเทศ มาทำเมนูซิกเนเจอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ที่มีสีสันสวยงามและ โดดเด่นในรสชาติ
ที่มีกลิ่นอายของฝรั่งเศส สเปน และตะวันออกได้อย่างลงตัว
กับคอร์สอาหารสุดหรูในราคาจับต้องได้ตามราคาด้านล่างนี้


มื้อกลางวัน (4 คอร์ส)
ราคาท่านละ 1,950 บาท++
สมาชิกดุสิตโกลด์ราคาท่านละ 1,750 บาท++
และจับคู่กับไวน์ ราคาท่านละ 1,150 บาท++

มื้อค่ำ (6 คอร์ส)
ราคาท่านละ 3,750 บาท++
สมาชิกดุสิตโกลด์ราคาท่านละ 3,550 บาท++
และจับคู่กับไวน์ ราคาท่านละ 1,450 บาท++

ส่วนใครที่ชื่นชอบขนมปังฝรั่งเศสและชีสก็ไม่ควรพลาด
ค่ำคืนแห่งไวน์ ชีส และขนมปัง
ราคาท่านละ 899 บาท++
สมาชิกดุสิตโกลด์ราคาท่านละ 699 บาท++

บรรยากาศห้องอาหารค่อนข้างจะสบาย ๆ ดูเป็นกันเอง
ทั้งด้วยโทนสีและการตกแต่ง 

เข้ามาก็จะพบกับ Bar ที่มีเครื่องดื่มมากมาย
มี Bartender มากประสบการณ์
คอยแนะนำเครื่องดื่มที่เหมาะสมให้กับทุกคน 

ไฟตกแต่งก็มีความโมเดิร์นแฝงอยู่

มุมโต๊ะอาหารจะมีทั้งแบบสไตล์ห้องนั่งเล่นดูสบายตามาก ๆ 

มุมวิวริมกระจก ที่สามารถมองวิวได้ในแบบพาโนรามา

สามารถชมวิวสวนลุมพินี ถนนพระราม 4 และถนนราชดำริได้
กับเก้าอี้ที่มีลูกเล่น มีขาเหมือนเก้าอี้โยกน้อย ๆ ได้เพลินกับการนั่งไป
จิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร ชมวิว และพูดคุยกับผู้ร่วมโต๊ะ
โต๊ะแบบเป็นทางการขึ้นมาก็มีให้เลือกครับ

หากมากันเป็นกลุ่ม มุมโซฟาก็ดูจะเหมาะสุด ๆ 

มุมโซฟามีหมอนอิงนุ่ม ๆ ให้กอด ให้พิงด้วยนะ 

แต่ถ้าซีเรียสและต้องการความเป็นส่วนตัว
แนะนำมุมนี้ที่มีฉากม่านปิดได้เลยครับ 

วิวแยกศาลาแดงจากห้องอาหาร

วิวสวนลุมพินี ถนนพระราม 4 และถนนราชดำริ
จากห้องอาหาร ยามเย็นแบบนี้หนีรถติด
ขึ้นมากินอาหารไปชมวิวไปดีกว่านะ

สำหรับอุปกรณ์บนโตีะอาหาร
ก็จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไปแต่คุณภาพดี

Executive Chef Philippe Keller 
เชฟฟิลิปป์ เคลเลอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ออกมาทักทายพูดคุย อย่างเป็นกันเอง

ระหว่างรอการเตรียมตัวของเชฟแอร์เว่
ได้มีโอกาสลองเครื่องดื่ม signature
ของทางห้องอาหารเล็กน้อยครับ "Mojito"
*ภาพถ่ายเพื่อประกอบการรีวิวห้องอาหาร
ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่มแต่อย่างใด

"Raspberry Tickle"
*ภาพถ่ายเพื่อประกอบการรีวิวห้องอาหาร
ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่มแต่อย่างใด 

"Pacific Rum"
*ภาพถ่ายเพื่อประกอบการรีวิวห้องอาหาร
ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่มแต่อย่างใด

"Passionate Thunderball"
*ภาพถ่ายเพื่อประกอบการรีวิวห้องอาหาร

ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่มแต่อย่างใด

ก่อนเริ่มมื้ออาหาร จะมีขนมปังโฮมเมด
สูตรของทางห้องอาหารเองทั้ง ขนมปังฝรั่งเศส
และขนมปังหวาน เสิร์ฟมาพร้อมกับ Butter milk 

เนื้อขนมปังนุ่ม หวาน ในตัว อร่อยอยู่แล้ว
แต่พอทา Butter milk เพิ่มเข้าไป
ความอร่อยที่แตกต่างออกไป ทำให้ชวนกิน
ขนมปังได้มากขึ้น มากขึ้นอีกครับ

มาดูกันครับว่า ตัวอย่างอาหารในคอร์ส
ที่ได้ลอง มีทั้งจากในมื้อกลางวัน
และมื้อค่ำมาให้ได้ลอง
(แอบบอกเลยว่าเชฟเพิ่งลงจากเครื่องมาเลย)
จะหน้าตาแบบไหนและรสชาติเป็นอย่างไร
กับฝีมือของเชฟระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว
เชฟแอร์เว่ โรดริเกซ เจ้าของห้องอาหารมาซ่า
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ครับ

เชฟแอร์เว่ โรดริเกซ
เจ้าของห้องอาหารมาซ่า กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เชฟระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว
ออกมาพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง สนุกสนานมาก 

จานแรกที่ได้ลอง
เป็นเมนูแรกจากคอร์สมื้อค่ำครับ
"Tuna sashimi, meli-melo bean with cherries" 

เชฟนำส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า แล่พอดีคำ
นำมาหมักมิรินในแบบญี่ปุ่น กินพร้อมกับเชอร์รี่
รสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เย็น ๆ ทำให้สดชื่น
ก่อนที่จะไปจานต่อไป เป็นการวอร์มอัพมื้อค่ำที่ดีทีเดียว

จานที่ 2 ที่ได้ลอง
เป็นเมนูแรกจากคอร์สมื้อกลางวันครับ
"Perfect eggs with pata negra"
เห็นจากการจัดเสิร์ฟมา รสชาติซับซ้อนแน่นอน 

หากจานทูน่าเป็นตัวที่เหมาะกับเปิดมื้อเย็น
จานนี้ก็ไม่ผิดอะไรที่จะเหมาะกับเปิดมื้อกลางวัน
ไข่ลวกกึ่งสุกกึ่งดิบซุกซ่อนตัวอยู่ใต้ซอสและ
เครื่องเคราต่าง ๆ เสิร์ฟมาในลักษณะพาร์เฟ่ต์
ไม่ว่าจะเป็นครูตองซ์กรอบ ๆ ชีสละมุน ๆ
โฟมรสเปรี้ยวจากวินิก้า และสุดยอดแฮม
pata negra ที่ทำจากขาหมูดำ

ถ้ากินแยก ๆ กันรสชาติจะโดดไปหน่อยนะครับ

แต่ถ้ารวมกันแล้วล่ะก็ จะได้รสชาติหอม มัน เค็ม เปรี้ยว
ของทุกองค์ประกอบในจานนี้ได้อย่างดีเลย
ถ้ามีขนมปังเหลืออยู่ แนะนำว่าปาดไปด้วยกินไปด้วย
อร่อยทีเดียวเชียว
*แนะนำให้ตีไข่ให้แตกแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนกิน

จานที่ 3 ที่ได้ลอง
เป็นเมนูที่ 2 ของคอร์สมื้อค่ำครับ
"Pan-fired duck liver, smoked eel,
coco from Paimpol and black ink" 

ฟัวกราส์ทอดบนกระทะได้ระดับความสุก
สำหรับผมเรียกได้ว่าเพอร์เฟคเลยล่ะ
ผิวด้านนอกสีคาราเมลสวยงาม มีความกรอบของผิว
ส่วนเนื้อในนั้นยังเป็นครีมมี่ละมุนมาก ๆ

เสิร์ฟพร้อมกับ ปลาไหลรมควันหอม ๆ เนื้อนุ่ม ๆ หนึบ ๆ
มากับถั่ว Paimpol ผัดปรุงรสและซอสหมึกดำ
ที่ทำการตกแต่งจานให้เป็นดั่งงานศิลปะ ก็รสชาติอร่อย
ไม่มีความคาวและเข้ากันกับถั่ว ปลาไหลและฟัวกราส์
จะกินแยกองค์ประกอบหรือกินรวมกันก็อร่อยทุกแบบ 

จานสุดท้ายที่ได้ลอง
เป็น 1 ในตัวเลือกจากเมนูจานหลักของคอร์สมื้อค่ำ
"Challans duck with sweet purple plums,
eggplants and black olives"

สุดยอดเนื้อเป็ด Challans duck ที่เชฟเลือกนำมาปรุง
จะมีหนังที่หอมอร่อย และเนื้อเป็ดที่มีความชุ่มฉ่ำสูง
ทำระดับความสุกเพียงกึ่งสุกกึ่งดิบให้ความนุ่มขีดสุด
เสิร์ฟพร้อมพลัมม่วงหวานและสลัดมะเขือม่วง
สับกับมะกอกดำ บนซอสสูตรพิเศษรสเปรี้ยวหวาน
ให้ความกลมกล่อมลงตัวสุด ๆ ประทับใจเลย

ในส่วนของของหวานนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคอร์ส
ของเชฟแอร์เว่ แต่เป็นของทางห้องอาหารเอง
เลยขอนำมาฝากไว้ให้ดูกันไว้เป็นตัวเลือกด้วยครับ
"The Coconut"
ซอร์เบทมะพร้าวในถ้วยช็อคโกแล็ต
เสิร์ฟพร้อมผลไม้และซอสเสาวรส

"Strawberry Teramisu"
สตอเบอร์รี่ ทีรามิสุ เสิร์ฟพร้อมถั่วอบหวาน
มาร์ชเมลโลและไอศกรีมโยเกิร์ตมะนาว 

"Chocolate Mousse Parfait"
มูสช็อคโกแล็ต มาร์ชเมลโล่ย่าง
และเกรแฮมแครกเกอร์ครัมเบิ้ล 

"California Cheese Cake"
ชีสเค้กสไตล์แคลิฟอร์เนีย คาโมมายล์
เสิร์ฟพร้อมข้าวโพดคั่วหวาน เบอร์รี่สดและซอสคาราเมล 

"Cinnamon-Sugar Churros"

ชูโรส เสิร์ฟพร้อมซอสคาราเมล

ปล.1 ของหวานในรีวิวนี้ จะไม่ได้อยู่ในคอร์ส
ของเชฟแอร์เว่ โรดริเกซ นะครับ
จะเป็นของหวานของห้องอาหาร
22 Kitchen & Bar ที่สั่งเพิ่มมาต่างหากครับ

ปล.2 เครื่องดื่ม ลงภาพกับชื่อ
แต่ไม่ขอบรรยายรายละเอียดเพื่อไม่ให้
เป็นการชักชวนให้ดื่มแอลกอฮอล์ครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่
โทร : 02 200 9000 ต่อ 2345
อีเมลล์: dtbkdining@dusit.com
เว็บไซต์: www.dusit.com/dtbk,
www.facebook.com/dusitthani

#OnTable #ontcublogspotcom #ontcu
#foodphotographer #foodphoto #foodblog
#foodblogger #foodreview #food #blogger
#thaiblogger #foodpinterest
#AllStyleThaiBloggers
#22KitchenandBar #DusitThaniBangkok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น