รีวิวนี้ ผมจะพาไปอิ่มอร่อยมื้อสายวันหยุดเสาร์และอาทิตย์
กับอาหารสไตล์อิตาเลียนแบบบุฟเฟ่ต์ทาปาสชนิดต่าง ๆ
และเครื่องดื่ม cocktail, mocktail, wine และ sparkling wine
แบบไม่อั้น อร่อยจุใจกับทาปาสแล้ว ก็ยังสามารถเลือกอาหาร
จานหลักได้ 1 จาน พร้อมของหวานหลากหลายอย่าง
ในราคาเพียง 1,288 ++ บาท ตั้งแต่เวลา 11:30-14:00 น.
ณ ห้องอาหาร THEO MIO Italian Kitchen by THEO RANDALL
เรื่องความอร่อยของอาหารนั้น การันตีได้เลยว่าห้องอาหาร
ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ นั้น อร่อยและมาตรฐานสูง
และในส่วนของห้องอาหาร THEO MIO นี้นั้น ก็เชื่อมือถึงสูตรความอร่อย
และการบริหารของเชฟ THEO RANDALL เซเลบริตี้เชฟชื่อดังชาวอังกฤษ
ที่ผ่านการทำงานมาอย่างคร่ำหวอดในวงการอาหารกว่า 25 ปี ได้รับรางวัล
ร้านอาหารยอดเยี่ยมมาหลายรางวัล
จาก โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ลอนดอน ปาร์คเลน
โดยห้องอาหาร THEO MIO ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ แห่งนี้นั้น
ถือว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนแห่งแรกนอกสหราชอาณาจักร
ของเชฟ THEO RANDALL อีกด้วย
และเชฟที่มาทำหน้าที่ควบคุมแทนเชฟ RANDALL ที่นี่นั้น
ก็คือเชฟคริส เบเวอรี่ ที่บินตรงมาจากอังกฤษเช่นเดียวกันนั่นเองครับ
ด้วยการผสมผสานของวัตถุดิบในประเทศไทยและอิตาลีตามฤดูกาล
ทำให้ได้อาหารอิตาเลียนแนวใหม่ที่สร้างสรรค์
บรรยากาศห้องอาหารเป็นครัวเปิด ทำให้เห็นการทำงานของเชฟ
ได้อย่างเพลิดเพลิน ที่นั่งจะเลือกนั่งแบบโต๊ะเป็นกลุ่มเพื่อนฝูง
หรือจะเลือกนั่งแบบเคาท์เตอร์บาร์ก็ย่อมได้
เราทำความรู้จักพร้อมชมบรรยากาศห้องอาหารกันมาพอสมควรแล้ว
กลับมาสู่เรื่องของอาหารกันบ้างดีกว่าครับ
โดยผมขอเริ่มจากบรรดาเครื่องดื่มที่เป็น free flow ตลอดทั้งมื้อกันก่อนครับ
เริ่มจาก Mocktails 4 แบบ สำหรับคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
เป็นการผสมน้ำผลไม้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จะมีการตั้งชื่อเป็นเมืองต่าง ๆ
ในอิตาลี คือ Napoli(รสส้ม), Milano(รสเสาวรส), Roma(รสแอปเปิ้ล)
และ Palermo(รสลิ้นจี่)
ซึ่งแต่ละแก้วก็มีสีสันส้ม ๆ แดง ๆ รสชาติดีทีเดียว
Napoli และ Milano
Roma และ Palermo
ก้าวเข้าสายแอลกอฮอล์กับ Cocktail ที่มี 1 รายการให้ดื่ม
คือ SunKissed รสจะออกหวาน ๆ เปรี้ยวราสเบอร์รี่ธรรมชาติ
ให้รสซ่าด้วยการท็อปด้านบนด้วย Prosecco
กลิ่นหอมของกุหลาบที่ซ่อนอยู่ น่าจะเหมาะกับสาว ๆ ครับ
(สามารถขอแบบไม่ใส่แอลกอฮอล์ก็ได้นะครับ)
สำหรับ Prosecco Bottega Millesimato 2014
เป็น sparkling wine ที่รสชาติดีเข้ากับอาหารได้หลายจาน
สัมผัสเบา ๆ ซ่า ๆ เปรี้ยวนิด ๆ เย็นฉ่ำ เรียกน้ำย่อยได้ตลอดเวลา
ส่วน Wine ทั้งแดงและขาว เป็นแบรนด์ Genesis
ตัวไวน์ขาว มีรสเปรี้ยวนำ ดื่มง่าย ไม่บาดคอ
ตัวไวน์แดง ไม่ดราย มีบอดี้กลาง ๆ เหมาะกับอาหารหลายจาน
ในเรื่องราวของเครื่องดื่ม ผมถือว่าห้องอาหารเลือกเครื่องดื่ม
มาลง free flow ได้ดีเหมาะสม และคุ้มค่ากับเม็ดเงิน
ที่ลูกค้าจ่ายอย่างมาก ๆ ครับ ชื่นชมเลยครับ
เพราะราคานี้ไปนั่งดื่มก็คุ้มมากแล้ว นี่ยังมีของกินทั้งคาวหวานอีกด้วยครับ
ก่อนเริ่มมื้อ ทางห้องอาหารจะมี ขนมปัง complimentary
สไตล์โฮมเมดแบบอิตาเลียนมาให้เรารองท้องครับ
มีทั้งแบบแข็ง กรอบ นุ่ม ให้เลือกตามชอบ
แล้วก็มาเริ่มกันที่ในหมวด Antipasti (หรือ appetizer) กันเลยครับ
ซึ่งในหมวดนี้ ทานได้ไม่อั้น มีด้วยกัน 5 เมนูด้วยกัน
ถ้ามาเป็นกลุ่ม เชฟจะทำการจัดให้ตามจำนวนที่เหมาะสมแต่ก็สั่งเพิ่ม
ในรายการที่เราอยากหรือไม่อยากได้นะครับ
Bruchetta al Pomodoro
ขนมปังปิ้งวางท็อปปิ้งด้วยมะเขือเทศชิ้นโต อบกับกระเทียม
ใบโหระพาและน้ำมันมะกอก ได้รสชาติแบบอิตาเลียนเน้น ๆ
จากตัววัตถุดิบหลังที่เป็นมะเขือเทศและน้ำมันมะกอกที่โดดเด่น
Insalata di Ceasar
ซีซ่าส์สลัดตามต้นตำหรับ ที่มีผักกาดคอส(ผักกาดหวาน)
ขนมปังกรอบ และพาร์มีซานชีส ราดน้ำสลัดปลาแอนโชวี่
พร้อมท็อปปิ้งด้วยเบคอนกรอบ เป็นสลัดจานอร่อยที่มีเบิ้ลครับ
Pepperoni Piedmontese
พริกระฆังสีแดงขนาดใหญ่ผ่าครึ่งอบกับมะเขือเทศลูกเล็ก
กระเทียม ใบโหระพาและปลาแอนโชวี่ เป็นอีกเมนูที่กินง่าย
แถมอร่อยด้วยครับ
Insalata di Polpo e Borlotti
สลัดผักร็อคเก็ต คื่นช่ายฝรั่ง กะหล่ำสีม่วง มะเขือเทศราชินีอบ
ทับทิมและหนวดปลาหมึกย่าง รสชาติสลัดจานนี้ผสมหลากหลายอารมณ์
ของรสสัมผัสกันมากตั้งแต่กรอบผัก หนึบหนวดปลาหมึก แต่ก็เข้ากันดี
Salumi Misti
จานรวมแฮมชนิดต่าง ๆ จากอิตาเลียน ไม่ว่าจะเป็น
prosciutto, pancetta, arrotolata และ salami ที่อร่อยทุกอย่าง
เสิร์ฟพร้อมกับโฮมเมดแครกเกอร์และหัวหอมแดงในน้ำส้มบัลซามิค
ที่กินแล้วเข้ากันดีจริง ๆ ครับ
ต่อกันที่ Secondi (หรือ Main Dish) ที่เลือกได้ 1 เมนูจาก 3 เมนู
Porchetta (หมู)
เนื้อหมู(ส่วนสามชั้น)อบเมล็ดเฟนเนลและสมุนไพรแบบหนังกรอบ
เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดและถั่วต้ม เนื้อหมูหอมนุ่มอร่อย
เข้ากันดีกับซอสเกรวี่ที่ราดมา มันค่อนข้างน้อยดีมาก
และหนังกรอบอร่อยได้สัมผัสที่แตกต่าง อร่อยจริง ๆ ครับ
Lasagne al Forno
ลาซาญ่าเนื้อบดชุ่มฉ่ำด้วยซอสสูตรพิเศษและพาร์มีซานชีส
สลับชั้นกับแป้งพาสต้า อบหอมนุ่มละมุน รสชาติจัดว่าดีมากเลย
Pizza
พิซซ่าแป้งบางกรอบมีให้เลือก 3 หน้า คือ Magarita(มะเขือเทศ)
Trifolata(เห็ด) และ Diavola(พริกหวาน) ซึ่งอร่อยทุกหน้า
แนะนำให้กินตอนร้อน ๆ จะยิ่งเพอร์เฟ็ค
แต่วันที่ไปกิน เชฟทำอีกหน้าเพิ่มขึ้นมาให้เป็นพิเศษ
คือหน้าแฮมชีสกับผักร็อคเก็ตสลัด ก็อร่อยไม่แพ้ 3 หน้าหลักในตัวเลือกเลยครับ
จบจานหลักแล้ว ไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เรามาต่อที่ของหวานกันเลยครับ Dolci (หรือ Dessert)
ที่มี 3 อย่างที่ทางห้องอาหารคัดมาให้แล้วครับ
Torta di Mandoria
ทาร์ตอัลมอนด์อร่อยเต็มคำมาพร้อมกับฝรั่งตุ๋นไวน์
เข้ากันดีมาก ๆ อร่อยดีครับ
Tiramisu
เค้กทีรามิสุ ที่ทำจากบิสกิตโฮมเมด กาแฟ มาสคาโปเน่ชีส
และผงมาซาล่า ได้ลงตัวเหมาะเจาะทั้งรสชาติหวานกำลังดี
แต่กลิ่นหอมต่าง ๆ ทั้งกาแฟและมาซาล่า นั้นอบอวลชวนกินครับ
Crostata di Limone
ทาร์ตมะนาวเปรี้ยว ๆ สดชื่นมาพร้อมกับครีมเบา ๆ ตัดรสได้ดี
ไว้ล้างปากจบมื้อหากไม่ดื่มกาแฟกันก็งดงามครับ
ส่วนตัวผมและเพื่อน ๆ ขอจบมื้อด้วยกาแฟและชา
สั่งเพิ่มนอกราคาบุฟเฟ่ต์ 150-160++ บาท
เป็นการปิดท้ายมื้อครับ กาแฟหอม ๆ ชาก็ใช้แบบพรีเมียมครับ
เป็นยังไงบ้างครับ กับอาหารอิตาเลียนพร้อมเครื่องดื่มนานาชนิด
สุดคุ้มค่า และอร่อยอีกด้วย กับห้องอาหาร THEO MIO
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ในรีวิวนี้
หากเพื่อน ๆ สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
และสำรองที่นั่งได้ที่
โทร.0-2656-0444 ต่อ 6273
โทร.0-2656-0444 ต่อ 6273
ให้บริาการวันเสาร์และวันอาทิตย์
เวลา 11:30-14:00 น.
ขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มในรีวิวนี้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น