พื้นที่โฆษณาส่วนหัว

พื้นที่โฆษณาส่วนหัว
ติดต่อโฆษณา โทร.086 6688 327

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

INDUS by Chef HARI NAYAK


รีวิวนี้ พิเศษสุด ๆ ครับ กับการรีวิวอาหารอินเดียสมัยใหม่
ผ่านธีมอาหารชายฝั่งทะเลของอินเดีย อาหารจากคาบสมุทรอินเดีย
ชายฝั่งกากัณ, เซตินาถและชายฝั่งมะละบาร์ ด้วยฝีมือเชฟระดับโลก
ที่บินตรงมาจาก นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เพียงแค่ 2 วัน เพื่อโชว์ฝีมือการปรุง
ความอร่อย อย่างพิถีพิถันและลงตัวกับไวน์แพร์ริ่ง ด้วยรสชาติ
ที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นอินเดียทางตอนใต้ประยุกต์กับ
วิธีการทำ จัดแต่ง อาหารแบบยุโรป แบบพิเศษสุด ๆ เพียงแค่ 50 ที่ต่อวัน
กับ Chef HARI NAYAK (เชฟฮาริ นายัค) ที่เป็นทั้งเชฟ นักเขียน
และนักเดินทางท่องเที่ยว
โดยอาหารมื้อค่ำทั้ง 2 วันที่เชฟฮาริ นายัค มาแสดงฝีมือนั้น
จัดขึ้นที่ ร้าน INDUS Contemporary Indian dining 
สุขุมวิท 26 ซึ่งเป็นร้านอาหารอินเดียอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยครับ


Chef HARI NAYAK (เชฟฮาริ นายัค) เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง
อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ในฐานะเชฟอาหารอินเดียสมัยใหม่(ร่วมสมัย)
ด้วยการนำแรงบันดาลใจจากบ้านเกิดอินเดียตอนใต้
ผนวกกับประสบการณ์จากทั่วทุกมุมโลกที่เชฟได้เดินทาง
เก็บเกี่ยวประสบการณ์มา และนำมาบันทึกเขียนเป็นหนังสือมากมาย

เชฟฮาริ นายัค จบการศึกษาจาก Culinary Institute of America (CIA)
และได้ทำงานร่วมกับ Chef Daniel Boulud เชฟระดับโลกเจ้าของรางวัล
มิชลินสตาร์ 3 ดาว ทุกวันนี้เชฟฮาริ เป็นกูรูด้านอาหารอินเดีย
เป็นที่ปรึกษาการทำอาหาร ร้านอาหารหลาย ๆ ร้านในเมืองนิวยอร์ค
และเมืองต่าง ๆ อีกมากมาย และยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ
ร้าน Cafe Spice ร้านอาหารอินเดียที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ
รวมถึงยังมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเองวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต
ชั้นนำต่าง ๆ อีกด้วย
สามารถทำความรู้จักเชฟฮาริ นายัค เพิ่มเติมได้ที่




ร้าน INDUS (อินดัส) ร้านอาหารอินเดียมาตรฐานสูง ที่รักษาระดับมาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่ปี 2005 ที่เริ่มก่อตั้ง เป็นร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์บ้านยุค 1960 อาร์ตเดโค
มีห้องอาหารที่หรูหราและบาร์ที่จุคนได้จำนวนมาก มีทั้งโซนที่นั่งด้านนอกกลางแจ้ง
และในห้องแอร์แบบส่วนตัว เป็นที่นิยมมากสำหรับชาวต่างชาติที่ชื่นชอบอาหารอินเดีย
และยังเป็นร้านอันดับต้น ๆ สำหรับชาวไทยที่เริ่มต้นทดลองกินอาหารอินเดียอีกด้วย
แถมทางร้านยังได้รับรางวัลการันตีความอร่อยมามากมายอีกด้วย






การตกแต่งร้านจะมีกลิ่นไอของศิลปะและอารายธรรมอินเดียโบราณทางตอนเหนือ
ไม่ว่าจะเป็นประตูสลักลาย ผนังหินทราย ของตกแต่งที่สวยงาม รวมถึงสวนที่ตกแต่ง
ได้อย่างน่ามอง บริหารร้านด้วยฝีมือของ Mr.Sid Sehgal
และ Mr.Yash Pal ผู้จัดการร้าน รวมถึงทีม Chef Jimmy ที่ฝีมือเยี่ยม
ซึ่งอยู่มาตั้งแต่ร้านเริ่มก่อตั้งเลยครับ

"Mr.Sid Sehgal, INDUS Owner"

เกริ่นและทำความรู้จักกับตัวเชฟและร้านกันมาพอสมควรแล้ว
เรามาเริ่มของกินที่สุดแสนประทับใจในมื้อนี้กันเลยดีกว่าครับ


เครื่องดื่มเย็น ๆ สดชื่นกับน้ำแร่ใส่มะนาวฝาน
ทั้ง 2 แบรนด์ San Pellegrino และ Acqua Panna ระดับโลกทั้งคู่
มาจากประเทศอิตาลี สะใจกับน้ำฟองฟู่ไร้แอลกอฮอล์กันไปก่อนครับ
(ผมนี่เติมแล้วเติมอีกเลย 555)



จากนั้นเราก็มาเริ่มที่อาหารจานแรก จากเมนูคอร์ส 9 อย่างกันครับกับ
FISH MALU BUN with Organic Uni Butter
เป็นขนมปังเรียกน้ำย่อย โดยด้านในเป็นไส้ปลาผสมเครื่องเทศ
ที่ให้กลิ่นของอินเดียบาง ๆ เสริมรสชาติด้วยเนยธรรมชาติ
ที่มีส่วนผสมของไข่หอยเม่นลงไปให้กลิ่นทะเล หอม ๆ มัน ๆ
ในสไตล์ของตัวเนยและไข่หอยเม่นได้อย่างลงตัว
จนอยากจะกินเนยตัวนี้เปล่า ๆ ไปอีกสัก 10 ก้อนเลยครับ





จานที่ 2 RASAM CRABPURI
เป็นจานเด็ด ปลุกให้ต่อมรับรสของลิ้นได้ตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อม
รับมือกับรสชาติ รสสัมผัสของอาหารจานต่อ ๆ ไปได้อย่างดีมาก ๆ เลย
เป็นแป้งทำจากข้าวบาง ๆ ห่อหุ้มเป็นลูกบอลทรงกลม
ที่กระเทาะให้เห็นเนื้อไส้ด้านในที่เป็นเนื้อปูผัดเนย กระเทียม และมะพร้าว
ซดกับคอนซอมเม่ต์ซุปมะเขือเทศและถั่วเลนทิลรสเผ็ดได้ใจ
จานนี้จับคู่กับไวน์ขาว รสชาติเบา ๆ เปรี้ยวนำเล็กน้อยอย่าง
Clos Des Lunes Blanche by Domain De Chevalier ปี 2013
จากแคว้น Bordeaux, France ได้อย่างลงตัวเลยครับ


จานที่ 3 ARBI RAWA FRY
เป็นแป้งสาลี Semolina ไส้เผือก ทำทรงแบน ๆ บาง ๆ
กรอบนอกนุ่มเผือกใน ได้รสชาติผงเครื่องเทศอินเดีย
กินง่าย ๆ อร่อย ๆ เบรครสเผ็ดร้อนของจานที่ 2 ได้ดีเลยครับ





จานที่ 4 GUNPOWDER SCALLOP
เป็นหอยเชลล์ตัวโตกริลล์ได้ระดับความสุกพอดิบพอดี
โรยเครื่องเทศที่เป็นผงพริกอบแห้ง กินกับดอกกะหล่ำบดเนื้อเนียน
และซอสแกงกะทิสไตล์อินเดีย ด้วยวัตถุดิบที่ดีงามอย่างหอยเชลล์
นำมาปรุงรสกับผงเครื่องแกงและซอสที่เป็นสไตล์ร่วมสมัย
ทำให้กินได้สนุกและง่ายกับการจับรสชาติ แต่ยังคงมีรากฐานของ
ความเป็นอาหารอินเดียอยู่สูง
จับคู่กับไวน์ขาว รสชาติดี กลมกล่อม หอมดอกไม้ขาว อย่าง
Elvio Cogno Langhe Anas Cetta ปี 2013
จาก Piedmont, Italy ได้อย่างดีทีเดียวครับ





จานที่ 5 GHEE ROAST CHICKEN
เนื้อไก่นุ่ม ๆ ส่วนน่อง/สะโพก หมักด้วยพริกแดง มะขาม
และน้ำมันเนย นำมาอบให้สุก หอม อร่อย กินกับสลัดถั่วบด
และผักดอง จับคู่กับไวน์ขาว Sirmian Pinot Bianco ปี 2013
จาก Alto Adige, Italy ที่มีกลิ่นผลไม้อย่างแอปเปิ้ลและลูกแพร์
รวมถึงดอกไม้ ให้บอดี้กลาง ๆ แต่รสชาติที่เข้มข้นอยู่พอควร
กินกับไก่จานนี้ได้อย่างอร่อยเลยครับ







จานที่ 6 PRAWN GASSI
กุ้งสุกตัวใหญ่พอดีคำ ปรุงรสด้วยกระเทียม พริกเขียว
ราดด้วยซอสแกงกะทิรสชาติดีจากเมือง Mangalore
กินกับแป้งเครปสไตล์อินเดียตอนใต้ที่เป็นบ้านเกิดของเชฟฮาริ
ตัวซอสกับกุ้งเข้ากันดี แล้วถ้าบีบมะนาวลงไปกระชับรสชาติต่าง ๆ
ก็ยิ่งดี แต่ดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อกินพร้อมแป้งเค้กนุ่ม ๆ เบา ๆ ด้วยแล้วล่ะก็
สุด ๆ ไปเลย ผมนี่โกยแกงจนเกลี้ยงจานเลยครับจานนี้
พร้อมกับได้ไวน์แดง Chateau Gigault Cuvee Viva ปี 2011
จาก Bordeaux, France ที่ให้กลิ่นของผลเบอร์รี่ต่าง ๆ บอดี้กลาง ๆ
สีแดงทับทิม เข้ากันได้ดีกับแกงและกุ้งจานนี้มากครับ





จานที่ 7 MEEN POLLICHATHU
เห็นห่อใบตองย่างแบบนี้ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นห่อหมก
แต่จริง ๆ แล้วเป็นปลากะพงทะเลหมักผงเครื่องเทศพริกเขียว
แบบผงมาซาลาและน้ำมะขาม นำไปห่อใบตองแล้วนำมาย่างไฟ
ให้ได้ระดับความสุกที่พอดี ๆ กลิ่นหอมเครื่องแกงอบอวลเมื่อแกะใบตอง
จับคู่ได้กับไวน์ตัวเมื่อสักครู่ได้ดีอีกจานครับ




จานที่ 8 MALABAR ALEESA + KOTHU PAROTTA
เชฟฮาริ ได้นำเสนออาหารอินเดียตอนใต้
ที่นำมาทำเป็นสตูว์เนื้อแกะแบบทางเหนือ
แบบที่ผ่านกรรมวิธีทำให้สุกช้า ๆ ตกแต่งด้วยโฟมกะทิสวยงาม
รสชาติดีมาก ๆ อีกอย่าง แล้วกินกับแป้งผัดเนื้อแกะและไข่
ที่ให้รสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ โดยแนะนำให้จิบไวน์ตามจะยิ่งอร่อยมาก
ด้วยไวน์แดง รสชาติเข้มข้น สีแดงทับทิมจัด ๆ อย่าง
Achaval Ferrer Finca Mirador Malbec ปี 2009
จาก Mendoza, Argentina ขวดนี้ โดดเด่นมากด้วยกลิ่นสดชื่น
ของผืนดินในป่า ผลไม้สีเข้มต่าง ๆ รวมไปถึงโกโก้ด้วยครับ





สุดท้ายจานที่ 9 กับของหวาน TENDER COCONUT "PAYASAM"
เป็นของหวานหน้าตาละม้ายคล้ายข้าวต้มมัด
แต่ไม่ใช่ครับ เป็นแพนเค้กข้าวเหนียวกะทิสไตล์อินเดีย
กินพร้อมกับคาราเมลและกะทิ ได้อย่างเอร็ดอร่อยอย่างมาก
พร้อมกับดื่มสปาร์คกลิ้งไวน์ ฟองฟู่ชนิดหวาน
Lambrini Sparkling Perry จาก United Kingdom
ได้อย่างดี จบมื้อได้อย่างประทับใจมาก
กับฝีมือของเชฟฮาริ นายัค ที่มาเยือนเมืองไทยในครั้งนี้ครับ


ก่อนกลับก็เลยถือโอกาศเดินชมบรรยากาศร้านบริเวณสวนด้านหลัง
ที่มีไฟประดับประดาไว้สวยงาม เพื่อย่อยอาหารไปในตัวสักนิดครับ
เลยเก็บภาพมาฝากกันน



นั่งอย่างราชาสักภาพขำ ๆ ครับ

จบรีวิวนี้กับฝีมือของ Chef HARI NAYAK (เชฟฮาริ นายัค
ที่ร้าน INDUS Contemporary Indian dining
ซอยสุขุมวิท 26 ที่มีความสวยงามทั้งสถานที่
บรรยากาศ การบริการที่ดีงาม ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ
ที่ผมได้รับประสบการณ์อาหารอินเดียดี ๆ ในร้านดี ๆ แบบนี้ครับ

สนใจสำรองที่นั่ง ติดตามข่าวสารและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร.0-2258-4900
เปิดบริการ 2 รอบเวลา 11:30-14:30 และ 18:00-เที่ยงคืน 

ขอให้มีความสุขกับการเปิดประสบการณ์การทานอาหารอินเดียแบบผมนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น